มาญี่ปุ่นทั้งที่ขอลงใต้ไปเที่ยวโซนเมืองเก่าๆ อย่างโอซาก้า (Osaka) บ้าง ว่าแล้วก็จัดแจงซื้อตั๋วรถไฟชินคันเซ็น วิธีซื้อก็ง่ายมากกดจากตู้ขายตั๋วรถไฟได้เลย ระหว่างสถานี Shinnagawa – Shin-Ōsaka ราคาแรงพาจุก 13,620 เยน แพงกว่าเครื่องบินอีก แต่ก็อย่างว่าชินคันเซ็นบ้านเรามันไม่มีนี่นา
เราซื้อตั๋วกันแบบไม่ได้จองที่นั่งไปเสี่ยงๆ เอา โชคดีที่ฝนตกวันนี้พอดีนั่งรถไฟยาวๆ ไป ตกตั้งแต่โตเกียวยันโอซาก้าเลยอากาศเย็นๆ สบาย ๆ 5 องศาเห้อ
นั่งรถไฟจากสถานี Shinagawa-Seaside ไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Oimachi เพื่อไปขึ้นชินคันเซ็นที่สถานี Shinagawa แล้วก็ยาวไปถึงโอซาก้าเลย ใช้เวลาร่วม 3 ชั่วโมง
มาแล้วชินคันเซ็นหน้าเหมือนปลาดุกขบวนนี้พาเราไปที่สถานีชินโอซาก้า (Shin Osaka)
รางรถไฟเพียบเป็นเมืองที่การคมนาคมทางรถไฟเป็นหลัก
วิวข้างนอกสวยดีชวนดึงดูดไปตลอดทาง แต่ฟ้าก็ไม่ใสเอาซะเลยฝนตกอีก
แวะจอดสถานีเกียวโต
มาถึงสถานี Shin-Ōsaka แล้วก็ต้องต่อรถไฟไปยังโรงแรมที่พักคือโรงแรม Toyoko-Inn โดยนั่งรถไฟไปยังสถานี Osaka แล้วเดินต่อไปเพื่อขึ้นรถที่สถานี Higashi-Umeda ยาวต่อไปถึงสถาน Tanimachiyonchome
มาโผล่ตรงโรงแรม APA พอดี ทีนี้สถานีไม่มีลิฟท์ซะด้วย เราต้องค่อยๆ แบกกระเป๋าขึ้นไปทีละใบเพราะสถานีสูงมาก และกระเป๋าก็หนักเช่นกัน แค่ 20 โลจิ๊บๆ ดีที่ยังมีผู้ชายไปด้วยช่วยยกกระเป๋า ฮ่า ทั้งฝนทั้งหนาวต้องทยอยขนขึ้นมาแล้วก็ต้องรีบลากไปหลบอยู่ในร่มเปียกกัน รอให้ฝนหยุดแป็บต้องรีบลากกระเป๋าไปที่โรงแรมต่อ ประมาณ 500 เมตร รูปทางออกสถานีกลับมาถ่ายวันหลัง
พอลากกันไปจนจะถึงทางแยกอยู่แล้วก็งงว่าทำไมยังไม่เจอโรงแรมมีคนเดินออกมาจากโรงแรมที่นึงก็ถามเค้า ที่ไหนได้เดินเลย ฮ่าๆ ก็มันไม่มีภาษาอังกฤษบอกเลยนี่นา
ตอนเช็คอินพนักงานถามว่าจะสมัครสมาชิกเลยมั๊ยเพราะได้ส่วนลดทันทีเลย ก็ตกลงสมัครไปเลย พนักงานก็ถ่ายรูปตอนนั้นได้บัตรแข็งเลยทันที รวดเร็วมาก พนักงานอธยาศัยดีมาก
ปกติของใช้ส่วนตัวในห้องน้ำหรือชุดนอนเค้าจะมีให้ในห้องแต่ที่นี่ต้องหยิบเอาเองที่ตรงข้ามเคาท์เตอร์เช็คอิน ตู้กดน้ำแข็งก็เหมือนกัน
พอดีเราจองได้ห้องแบบสูบบุหรี่ไม่ค่อยถูกกับกลิ่นมันเท่าไหร่ ก็สามารถขอสเปรย์ปรับอากาศเค้าได้เลย ภายในห้องไม่ได้ใหญ่มาก วางกระเป๋าก็แน่นพอดี
ในตู้มีเตารีดให้ด้วยนะ
ห้องน้ำก็พอดีตัวเลยแต่ก็ไม่อึดอัดนะ สะอาดดี
หลังจากเก็บกระเป๋าพักเท้ารอฝนหยุดแป็บนึงก็ออกไปเดินกันต่อที่ย่านฮิตโดทงโบริ (dōtonbori) โดยรถไฟสาย Sakaisuji
ออกจากโรงแรมเลี้ยวซ้ายคนละด้านกับทางมา เดินไปเรื่อยๆ ข้ามสะพานลอยเพื่อไปยังสถานี Sakaisujihommachi ประตู 3 ประมาณ 700 เมตร สังเกตง่ายๆ มี 7 -11 หน้าสถานีพอดี นั่งรถไฟไปที่สถานี Nippombashi แล้วก็เดินไปอีกซัก 600 เมตร ก็ถึงที่หมายละ
นี่ไงมาถึงแล้วแลนด์มาร์คโอซาก้า โดทงโบริ (dōtonbori) ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คึกคักมากในโอโซก้า มีลักษณะเป็นถนนเลียบคลองโดทงโบริตั้งแต่สะพานโดทงโบริบะชิไปจนถึงสะพานนิปปงบะชิในเขตนัมบะและมีป้ายไฟของกุลิโกะที่โด่งดังดึงดูดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะคนไทย
ปูยักษ์คะนิโดระกุขยับแขนขาและลูกตาได้เรียกลูกค้าให้เข้าร้าน
สีสันในถนนเส้นนี้มีทั้งร้านอาหาร ร้านขนม ร้านค้ามากมายเต็มไปหมดกระเป๋าแบนแน่นอนเพราะมีทุกสิ่งให้เลือกสรรค์
หน้าร้านมักจะมีรูปปั้นใหญ่ๆ อยู่หน้าร้านดึงดูดสายตาเราน่าดู
มื้อเย็นซะทีจริงๆ กะว่าจะได้กินราเมงเจ้าอร่อยแต่ร้านดันปิดซะงั้น หันหลังมาฝั่งตรงข้ามร้านนี้ก็ได้ท่าทางจะง่ายดู มีตู้ให้กดๆ ก็ได้ใบปริ๊นออกมาเลือกถึงเวลาก็รอเรียกคิวพอเข้าไปในร้านค่อยยื่นใบที่ได้มาให้เค้า เพราะร้านมันเล็กๆ ใช้วิธีนั่งล้อมเคาท์เตอร์เอาเข้าประตูหน้าแล้วก็ออกประตูหลัง รถชาติโอเคแต่ถ้วยใหญ่มากกกกกก
อิ่มแล้วเดินซื้อของฝากซักนิดหน่อยก็ต้องกลับกันแล้วเพราะบางร้านก็ทยอยปิดแถมเดินกันจนขอลากแล้วด้วย