ไปเพลินโอซาก้าดีกว่า

208
views

มาญี่ปุ่นทั้งที่ขอลงใต้ไปเที่ยวโซนเมืองเก่าๆ อย่างโอซาก้า (Osaka) บ้าง ว่าแล้วก็จัดแจงซื้อตั๋วรถไฟชินคันเซ็น วิธีซื้อก็ง่ายมากกดจากตู้ขายตั๋วรถไฟได้เลย ระหว่างสถานี Shinnagawa – Shin-Ōsaka ราคาแรงพาจุก 13,620 เยน แพงกว่าเครื่องบินอีก แต่ก็อย่างว่าชินคันเซ็นบ้านเรามันไม่มีนี่นา

japan2015_114

เราซื้อตั๋วกันแบบไม่ได้จองที่นั่งไปเสี่ยงๆ เอา โชคดีที่ฝนตกวันนี้พอดีนั่งรถไฟยาวๆ ไป ตกตั้งแต่โตเกียวยันโอซาก้าเลยอากาศเย็นๆ สบาย ๆ 5 องศาเห้อ

osaka02

นั่งรถไฟจากสถานี Shinagawa-Seaside ไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Oimachi เพื่อไปขึ้นชินคันเซ็นที่สถานี Shinagawa แล้วก็ยาวไปถึงโอซาก้าเลย ใช้เวลาร่วม 3 ชั่วโมง

japan2015_118

มาแล้วชินคันเซ็นหน้าเหมือนปลาดุกขบวนนี้พาเราไปที่สถานีชินโอซาก้า (Shin Osaka)

japan2015_120 japan2015_121 japan2015_122

รางรถไฟเพียบเป็นเมืองที่การคมนาคมทางรถไฟเป็นหลัก

japan2015_123

วิวข้างนอกสวยดีชวนดึงดูดไปตลอดทาง แต่ฟ้าก็ไม่ใสเอาซะเลยฝนตกอีก

japan2015_124 japan2015_125 japan2015_126

แวะจอดสถานีเกียวโต

japan2015_127 japan2015_128

มาถึงสถานี Shin-Ōsaka แล้วก็ต้องต่อรถไฟไปยังโรงแรมที่พักคือโรงแรม Toyoko-Inn โดยนั่งรถไฟไปยังสถานี Osaka แล้วเดินต่อไปเพื่อขึ้นรถที่สถานี Higashi-Umeda ยาวต่อไปถึงสถาน Tanimachiyonchome

osaka01

มาโผล่ตรงโรงแรม APA พอดี ทีนี้สถานีไม่มีลิฟท์ซะด้วย เราต้องค่อยๆ แบกกระเป๋าขึ้นไปทีละใบเพราะสถานีสูงมาก และกระเป๋าก็หนักเช่นกัน  แค่ 20 โลจิ๊บๆ ดีที่ยังมีผู้ชายไปด้วยช่วยยกกระเป๋า ฮ่า ทั้งฝนทั้งหนาวต้องทยอยขนขึ้นมาแล้วก็ต้องรีบลากไปหลบอยู่ในร่มเปียกกัน รอให้ฝนหยุดแป็บต้องรีบลากกระเป๋าไปที่โรงแรมต่อ ประมาณ 500 เมตร รูปทางออกสถานีกลับมาถ่ายวันหลัง

osaka03

พอลากกันไปจนจะถึงทางแยกอยู่แล้วก็งงว่าทำไมยังไม่เจอโรงแรมมีคนเดินออกมาจากโรงแรมที่นึงก็ถามเค้า ที่ไหนได้เดินเลย ฮ่าๆ ก็มันไม่มีภาษาอังกฤษบอกเลยนี่นา

ตอนเช็คอินพนักงานถามว่าจะสมัครสมาชิกเลยมั๊ยเพราะได้ส่วนลดทันทีเลย ก็ตกลงสมัครไปเลย พนักงานก็ถ่ายรูปตอนนั้นได้บัตรแข็งเลยทันที รวดเร็วมาก พนักงานอธยาศัยดีมาก

ปกติของใช้ส่วนตัวในห้องน้ำหรือชุดนอนเค้าจะมีให้ในห้องแต่ที่นี่ต้องหยิบเอาเองที่ตรงข้ามเคาท์เตอร์เช็คอิน ตู้กดน้ำแข็งก็เหมือนกัน

พอดีเราจองได้ห้องแบบสูบบุหรี่ไม่ค่อยถูกกับกลิ่นมันเท่าไหร่ ก็สามารถขอสเปรย์ปรับอากาศเค้าได้เลย ภายในห้องไม่ได้ใหญ่มาก วางกระเป๋าก็แน่นพอดี

japan2015_129

ในตู้มีเตารีดให้ด้วยนะ

japan2015_131

ห้องน้ำก็พอดีตัวเลยแต่ก็ไม่อึดอัดนะ สะอาดดี

japan2015_132

หลังจากเก็บกระเป๋าพักเท้ารอฝนหยุดแป็บนึงก็ออกไปเดินกันต่อที่ย่านฮิตโดทงโบริ (dōtonbori) โดยรถไฟสาย Sakaisuji

ออกจากโรงแรมเลี้ยวซ้ายคนละด้านกับทางมา เดินไปเรื่อยๆ ข้ามสะพานลอยเพื่อไปยังสถานี Sakaisujihommachi  ประตู 3 ประมาณ 700 เมตร สังเกตง่ายๆ มี 7 -11 หน้าสถานีพอดี นั่งรถไฟไปที่สถานี Nippombashi แล้วก็เดินไปอีกซัก 600 เมตร ก็ถึงที่หมายละ

osaka03

นี่ไงมาถึงแล้วแลนด์มาร์คโอซาก้า โดทงโบริ (dōtonbori) ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่คึกคักมากในโอโซก้า มีลักษณะเป็นถนนเลียบคลองโดทงโบริตั้งแต่สะพานโดทงโบริบะชิไปจนถึงสะพานนิปปงบะชิในเขตนัมบะและมีป้ายไฟของกุลิโกะที่โด่งดังดึงดูดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะคนไทย

japan2015_134

ปูยักษ์คะนิโดระกุขยับแขนขาและลูกตาได้เรียกลูกค้าให้เข้าร้าน

japan2015_133

สีสันในถนนเส้นนี้มีทั้งร้านอาหาร ร้านขนม ร้านค้ามากมายเต็มไปหมดกระเป๋าแบนแน่นอนเพราะมีทุกสิ่งให้เลือกสรรค์

japan2015_136

หน้าร้านมักจะมีรูปปั้นใหญ่ๆ อยู่หน้าร้านดึงดูดสายตาเราน่าดู

japan2015_137 japan2015_138

มื้อเย็นซะทีจริงๆ กะว่าจะได้กินราเมงเจ้าอร่อยแต่ร้านดันปิดซะงั้น หันหลังมาฝั่งตรงข้ามร้านนี้ก็ได้ท่าทางจะง่ายดู มีตู้ให้กดๆ ก็ได้ใบปริ๊นออกมาเลือกถึงเวลาก็รอเรียกคิวพอเข้าไปในร้านค่อยยื่นใบที่ได้มาให้เค้า เพราะร้านมันเล็กๆ ใช้วิธีนั่งล้อมเคาท์เตอร์เอาเข้าประตูหน้าแล้วก็ออกประตูหลัง รถชาติโอเคแต่ถ้วยใหญ่มากกกกกก

japan2015_139

อิ่มแล้วเดินซื้อของฝากซักนิดหน่อยก็ต้องกลับกันแล้วเพราะบางร้านก็ทยอยปิดแถมเดินกันจนขอลากแล้วด้วย

japan2015_141

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.