ขับรถเรียบมาตามแม่น้ำโมเซล (Mosel) จาก Bernkastel-Kues จนมาถึงปลายทางที่แม่น้ำมาบรรจบกันกับแม่น้ำไรน์ (Rhine) ที่เมืองโคเบลนซ์ (Koblenz) ระยะทางประมาณ 130 กิโลเมตร
โคเบลนซ์ (Koblenz) ตั้งอยู่ทางเหนือของแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt) เป็นเมืองเก่าแก่โบราณถูกสร้าง 8 ปีก่อนคริสตกาลและมีหลายสถานที่ถูกขึ้นชื่อให้เป็นมรดกโลกด้วย จริงๆ ก็ถือว่าเป็นท่องเที่ยวสำคัญเมืองหนึ่งของเยอรมันเลยนะ
พอมาถึงโคเบลนซ์ (Koblenz) หาที่จอดรถแล้วก็เดินเที่ยวเรียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ เห็นเรือสำราญจอดเทียบท่าอยู่มากมายมาจากหลายประเทศ ตรงแถบนี้ในช่วงเวลาหนึ่งเค้าจะล่องเรือมาชุมนุมกันจุดพลุเฉลิมฉลองกันทุกปี
เดินมาถึงจุดที่แม่น้ำโมเซล (Mosel) มาบรรจบกับแม่น้ำไรน์ (Rhien) ตรง Deutsches Eck จะเห็นแม่น้ำเป็นสองสีหันหลังมาก็จะเห็นพระบรมรูปทรงม้าของจักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 1 ด้านบนขึ้นไปชมวิวได้ถ้ามองมาจากด้านบนก็จะมองเห็นด้านหน้าเหมือนหน้าเรืออารมณ์ประมาณกำลังอยู่บนเรือขนาดใหญ่
มองเห็นกระเช้าขึ้นไปไหนก็ไม่รู้เลยลองเดินไปทางต้นทางทางขึ้นกระเช้าไป เลี้ยวขวาจากรูปปั้นไปเดินเรียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ ก็จะเจอทางขึ้นกระเช้าแล้ว
ก่อนจะขึ้นกระเช้าไปชมป้อมปราการที่อยู่ด้านบนก็ไปซื้อตั๋วซะก่อนราคา 11.80 ยูโร ไปกลับพร้อมกับเข้าชมด้านในของป้อมปราการ จริงๆ รถก็ขับขึ้นไปได้นะแต่ไม่ได้บรรยากาศจะได้ชมวิวมุมสูงของสองแม่น้ำที่มาบรรจบกัน
ด้านบนจะเป็นป้อมเอียเรียนบรายทชไตน์ (Ehrenbreitstein Fortress) ตั้งอยู่บนเขาตรงข้ามกับเมืองโคเบลนซ์ (Koblenz) ในอดีตเคยเป็นที่รักษาพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำไรน์และแม่โมเซล ปัจจุบันก็กลายเป็นสถานที่ท่องให้นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชมกัน
ภายในถูกสร้างขึ้นมาแบบหนาแน่และแข็งแรงมากสังเกตุดูความหนาของกำแพงสิ
เดินชมมาเรื่อยๆ ก็มาถึงจุดชมวิวแวะกินน้ำกินขนมรองท้องนิดเพราะเที่ยงวันละ ถ้ามองลงไปข้างล่างก็เห็นสีของแม่น้ำที่มาบรรจบกันชัดเจนมาก แล้วยังเห็นตรงสามเหลี่ยมเป็นรูปเหมือนหน้าเรือใหญ่เลย มีกล้องส่องทางไกลให้ดูเสีย 1 ยูโร
ทีนี้เข้ามาดูในอาคารกันบ้างเปิดประตูเข้ามาก็เจอโมเดลตัวการ์ตูนเต็มไปหมดคนละอารมณ์กับด้านนอกเลย มีส่วนให้เด็กเค้าได้นั่งเล่นกันด้วยถ้าเอาเด็กไปด้วยไม่ต้องกลัวเด็กจะเบื่อเลยแต่ก็เห็นผู้ใหญ่หลายคนนั่งเล่น นั่งต่อตัวโมเดลอย่างเอาจริงเอาจังไม่แพ้เด็ก ไม่ได้มีแค่ห้องเดียวนะ มีหลายห้องมากแล้วก็หลายชั้นด้วยถ้าใครชอบแนวนี้ก็เพลินเลยล่ะ
ลงมาจากด้านบนก็เดินกลับรถอีกคนละฝั่งก็มาเจอมหาวิหารเซนต์คัสเตอร์ที่ได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลกที่เกี่ยวกับภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมของลุ่มแม่น้ำไรน์ช่วงกลางตอนบน (Upper Middle Rhine Valley)
ออกจากโคเบลนซ์ (Koblenz) เราก็ขับรถเรียบแม่น้ำไรน์ (Rhien) จุดหมายคือจะลงใต้แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรขับรถไปเรื่อยๆ ค่ำที่ไหนก็นอนที่นั่นระหว่างทางวิวก็จะเปลี่ยนจากไร่องุ่นไปเป็นภูเขาและปราสาทเก่าซะส่วนมากแต่ภูเขาที่เห็นก็ไม่ได้สวยเท่าไหร่เพราะมันหน้าแล้งใบไม้ร่วงไปหมด
ขับรถมาถึง St. Goar-Oberwesel แวะจิบกาแฟขนมเค้กแก้ง่วงกันก่อน ร้านนี้ตั้งอยู่บนเขาวิวสวยมากมองเห็นปราสาทอยู่ตรงหน้าด้วยมองไกลๆ อีกก็จะเห็นโบสถ์ที่อยู่กลางน้ำ ร้านนี้เคยเป็นที่ถ่ายภาพยนตร์ของเยอรมันนะ ด้านในติดรูปกับข่าวไว้ตามมุมต่างๆ เค้าให้เข้าไปชมได้มีที่นั่งในร้านไม่กี่ที่ส่วนมากเค้าจะชอบมานั่งชมวิวด้านนอกกัน
วันนี้ไม่ได้กินข้าวกลางวันแค่ขนมกับกาแฟก็อิ่มมากแล้วดูจากถ้วยกาแฟและขนมสิชิ้นใหญ่มาก
หลังจากพักหายง่วงแล้วก็ไปกันต่อ
นี่คือโบสถ์กลางน้ำที่เรามองเห็นไกลๆ จากร้านกาแฟ
พอเริ่มเย็นก็มองหาที่พักกันก่อนได้ที่พักที่ Kloster Johannisberg ตั้งอยู่บนเนินเขาวิวสวยเลยล่ะ เห็นไร่องุ่นรอบทิศเลยมองผ่านออกไปก็มองเห็นแม่น้ำไรน์อยู่ข้างหน้า
ห้องพักที่ได้เป็นห้องแบบ Pilgerzimmer อยู่ชั้นบนสุดชั้นนี้ไม่มีห้องน้ำในตัวจะเป็นห้องน้ำรวมแต่ก็สะดวกนะมีห้องอาบน้ำ 3 ห้อง ห้องส้วม 3 ห้อง แยกชายหญิงคนละฝั่งตึก ห้องพักกว้างมาก ไม่มีทีวี ไม่มีรองเท้าสำหรับใส่ไปเข้าห้องน้ำสัญญาณ wifi ก็อ่อน แต่มีมุมสำหรับนั่งชมวิวเพลินๆ
ลิฟท์ไม่ได้มาถึงชั้นที่เราอยู่พอดีต้องเดินขึ้นบันไดนิดหน่อย ลิฟท์เล็กไปหน่อยถ้ากระเป๋าหลายใบต้องแบ่งเข้าล่ะ
ห้องอาหารด้านล่างที่นี่เค้าน่าจะผลิตไวน์เองด้วยนะดูจากไร่องุ่นที่อยู่รอบๆ ตอนที่ลงมาทานข้าวก็เจอเจ้าของเค้ากำลังเอาไวน์ที่เค้าผลิตมาให้นักชิมไวน์เค้าลองกันวางอยู่บนโต๊ะประมาณหลายสิบแก้วอาหารก็ใช้ได้อร่อยดี