หลังจากทัวร์ปารีสสร้าง Landmark เป็นที่เรียบร้อยก็กลับเข้ามาเยอรมันซะที แต่ไม่ได้กลับทางเดิมปลายทางมุ่งไปที่เมืองเทรียร์ (Trier) จากปารีสประมาณ 400 กว่ากิโลเมตรผ่านประเทศลักเซมเบิร์กมา 50 กิโลเมตรก็มาถึงแล้ว
การขับรถที่ยุโรปจำเป็นมากที่ต้องมีเหรียญติดตัวไว้เยอะๆ เพราะถ้าต้องเข้าทางหลวงเส้นยาวๆ หรือจะเหมือนทางด่วนบ้านเราแต่ที่นั่นเค้าจะไม่มีคนมานั่งในตู้คอยรับเงินจากเรา จะมีก็แค่ตู้หยอดเงินเพื่อผ่านทางและอีกอย่างคือที่จอดรถ ที่จอดรถทุกที่เหมือนที่จะเป็นที่จอดรถของหลวงในบริเวณนั้นก็จะมีตู้หยอดเหรียญเพื่อเสียค่าที่จอด
ขับรถมาครึ่งวันก็มาถึงแล้วเมืองเทรียร์ (Trier) กว่าจะถึงก็ 5 โมงเย็นแล้วรีบตรงไปเช็คอินก่อนเลย เราพักที่โรงแรมเมอร์เคียว (Mercure Hotel Trier Porta Nigra) ทำเลดีมากตรงข้ามกับประตูเมืองพอดีเลย
พูดถึงที่นี่กันหน่อย เมืองเทรียร์ (Trier) เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในเยอรมันสร้างขึ้นตั้งแต่ยุคโรมันรุ่งเรืองเมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว ตั้งอยู่เรียบแม่น้ำโมเซล (Mosel) อยู่ทิศตะวันตกของเยอรมันติดกับชายแดนลักเซมเบิร์กแล้วยังได้รับคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกอีกด้วยนะ
หลังจากเก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้วไม่รอช้าไปเดินเที่ยวต่อเลยดีกว่านี่ก็จะหกโมงเย็นแล้ว ออกจากโรงแรมปุ๊บข้ามถนนก็มาอยู่หน้าป้อมปราการของเมืองแล้วมีชื่อว่า Porta Nigra เป็นป้อมปราการของเมืองยุคสมัยโรมันสร้างด้วยหินสีขาวพอผ่านเวลามาเนิ่นนานก็กลายเป็นสีดำ จริงๆ ป้อมปราการถูกสร้างทั้งสี่มุมเมือง รอบเมืองก็จะมีกำแพงสูงอยู่แต่พอผ่านสงครามมามากมายหลายสมัยถูกทำลายเสียหายไปมากก็เลยยังคงเหลือไว้เพียงเท่านี้ สร้างมานานมากแต่ยังดูสมบูรณ์อยู่เลย
เดินผ่านเข้ามาก็มีทางให้ขึ้นไปด้วยนะแต่พอดีไปถึงเย็นมากแล้วปิดซะแล้ว
เดินตรงมาเรื่อยๆ ก็เป็นแหล่งช้อปปิ้งด้านขวาก็เป็นห้าง Galleria Kaufhof ทางด้านซ้ายก็เป็นร้านขายของต่างๆ ร้านขายยา ขายเครื่องสำอางค์ เสื้อผ้าแบร์นดเนม ร้านอาหารไปตลอดทางแต่ว่าหกโมงห้างร้านก็เริ่มปิดแล้ว
พอห้างร้านเริ่มปิดแต่ร้านอาหารร้านไอศกรีมก็ยังเปิดกันต่อบางร้านก็พึ่งจะเปิดในช่วงเย็น ตรงนี้เป็นน้ำพุ St.Peter เรียกว่าเป็นจตุรัสของที่นี่แล้วกัน
เลี้ยวซ้ายมาก็เจอโดมใหญ่โตอลังการมากเรียกว่า Der Dom ยืนชื่นชมเก็บรูปอยู่ซักพักก็อยากจะเข้าไป เหมือนเดิมปิดแล้วเลยไม่ได้เข้าไปคือสวยมากจริงๆ
เดินลัดเลาะไปตามแผนที่เรื่อยๆ
ก็มาเจอโบสถ์ Konstantin-Basilika ด้านหน้าก็มีวัยรุ่นเค้ามารวมตัวกันเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม ภายในโบสถ์เค้ามาการจัดการงานอีเวนท์อะไรซักอย่างเลยขอเข้าไปดูซะหน่อยก็ใหญ่โตอลังการเหมือนกับภายนอกการก่อสร้างออกแนวยุคเก่าๆ ไม่ได้มีสีสันอะไรมากนัก
เดินลัดเลาะออกมาก็มาเจอ Kurfürstliches Palais ไม่ได้เข้าไปดูเพราะปิดแล้ว เราก็เดินต่อไปก็มาสวนใหญ่ๆ มีคนมาปิคนิคและทำกิจกรรมกันมากมาย ทั้งรวมกลุ่มกันเต้น ปั่นจักรยาน เล่นเปตอง
มาถึงตรงนี้จะเป็น Kaiser-Thermen กำลังซ่อมบำรุงอยู่เลย เป็นที่อาบน้ำของจักรพรรดิในสมัยนู้น สถานที่ก็เก่าแก่แล้วมันก็ผุพังตามกาลเวลา เค้ามีส่วนของสถานที่ให้ชมแล้วก็มีส่วนของจัดแสดงด้วยนะแต่ปิดแล้วอีกเหมือนกัน
เดินจนทั่วแล้วได้เวลาอาหารเย็น ฟ้าจะเริ่มมืดซักประมาณเกือบสามทุ่มแวะทานร้านที่อยู่หน้า Der Dom ร้านนี้เค้าบ่มไวน์เองด้วยนะ มีเครื่องมือในการทำไวน์มาประดับโชว์ด้วย รอบๆ ก็จะมีไวน์ในปีต่างๆ วางอยู่ทั่วทั้งร้านให้ลูกค้าได้เลือกได้ตามสบาย
อาหารที่นี่จะมีขนมปังเป็นส่วนประกอบแทบทั้งนั้นเลย แต่มันค่อนข้างแข็งไปหน่อยถ้ามันอ่อนกว่านี้จะฟินมาก เมนูที่สั่งจะมีปลาแซลม่อนรมควันอร่อยมากเพราะมีมาสตาดมาช่วยไว้ อีกเมนูปลาอะไรก็ไม่รู้จำชื่อไม่ได้ก้างเยอะชะมัดและจืดไปหน่อย เมนูต่อมาเป็นชีทอะไรก็ไม่รู้(อีกแล้ว) เนื้อจะแน่นๆ เหนียวๆ ปิดท้ายด้วยของหวานไอศกรีมอร่อยมากทางร้านทำเองข้างล่างเป็นสตอเบอรี่ค่อนแก้วเลย
เดินทางมาทั้งวันแล้วกินอิ่มถึงเวลานอนหลับพักผ่อน มาดูในห้องดีกว่าห้องกว้างพอสมควรนะเก่าพอประมาณแต่สะอาดดี มี wifi ให้ ห้องน้ำก็ใหญ่มากมีไดร์เป่าผมให้ในห้องน้ำ
เปิดม่านออกมาเจอประตูเมือง เห้ย! วิวดี๊ดีอ่ะเปิดหน้าต่างนั่งชมวิวต่อซะหน่อยแต่ก็นั่งเพลินได้ไม่นานเพราะอากาศหนาวซะเหลือเกิน
ตื่นเช้ามาพร้อมไปต่อหลังจากทานอาหารเช้าที่โรงแรม อาหารที่โรงแรมก็มาตรฐานทั่วไปกินอิ่มเต็มที่เพราะเดินทางต่ออีกไกล
บ๊าย บาย เมืองเทรียร์