ปารีส (Paris) เป็นเมืองหลวงของฝรั่งเศส ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของฝรั่งเศสและเป็นเมืองที่สวยงามน่าหลงไหล มีแม่น้ำผ่านกลางเมืองตึกรามบ้านช่องสถานที่สำคัญๆ ล้วนมีความสวยงามและอากาศดี เป็นเมืองที่หลายๆ คนใฝ่ฝันว่าจะต้องมาเยือนให้ได้
เมื่อคราวที่แล้วพาไปขึ้นหอไอเฟลมา >> เยือนปารีสนครแห่งแสงไฟ ปีนหอไอเฟล
คราวนี้ได้เวลาเดินสำรวจปารีสกันแล้ว
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแปดโมงนิดๆ ก็เดินทางไปที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre) เป็นที่แรกพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่มีชื่อเสียงที่สุด เคยเป็นพระราชวังมาก่อน ปัจจุบันเป็นที่เก็บงานศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกและเป็นที่เก็บรูปภาพโมนาลิซ่าของศิลปินลีโอนาโดอันโด่งดังไปทั่วโลกอีกด้วย
เราเดินทางโดยรถแท็กซี่จากโรงแรม เพราะว่ากลัวคนจะเยอะเลยรีบไปแต่เช้าใช้เวลาไม่นานก็ไปถึง แต่พอไปถึงก็ตามคาดคนต่อคิวยาวมากส่วนมากก็คนเอเชียแต่ก็ได้ยินคนพูดไทยอยู่ไม่น้อย ยืนต่อแถวอยู่ซักพักใหญ่ก็รอไม่ไหวละเลยตัดสินใจไปที่อื่นต่อเลยละกันเดี๋ยวจะเที่ยวได้ไม่ครบ
ไม่รอช้ากางแผนที่ออกแล้วเดินไปตามนี้แล้วกัน เดินออกมาทาง Pavillon Sully ก็จะเจอโบสถ์ไม่รอช้ารีบเข้าไปชมข้างในก่อนเลย
ทางด้านนอกดูไม่ค่อยใหญ่อลังการเท่าไหร่ ดูเก่าๆ เงียบๆ ไม่มีคนแถวนั้นเลยแต่พอเข้าไปข้างในก็ยังสวยงามและแลดูอลังการใหญ่โตมาก
กางแผนที่ออก แล้วเดินข้ามสะพานก็มาเจอกุญแจเพียบเลยจะเจอแบบนี้แทบทุกสะพาน ริมแม่น้ำก็จะมีร้านขายงานศิลปะของที่ระลึกแล้วก็กุญแจขายด้วยนะ ส่วนของที่ระลึกพวกพวงกุญแจแม็กเน็ตต่างๆ จะอยู่ที่ 4 อัน 10 ยูโร แล้วแต่ร้านนะบางร้านอาจจะมีถูกกว่านี้ต้องใจเย็นๆ เดินไปเรื่อยๆ เพราะมีตลอดทาง
เดินมาเรื่อยๆ ก็จะมาเจอ Palais de Justice แวะถ่ายรูปแว้บนึงก็ไปต่อ
มาถึงโบสถ์นอทเทอร์ดัม (Notre Dame Cathedral) ผู้คนมารอคิวเข้าประตูแถวยาวมากแต่ก็ใช้เวลาไม่นาน ระหว่างรอคิวก็จะมีแขกขาวและคนผิวสีมาคอยขายที่ระลึกตลอดแต่ถ้ามีเจ้าหน้าที่เดินผ่านมาก็จะรีบซ่อนของไว้หรือเดินหนีไป
พอเข้าไปด้านในก็สวยงามใหญ่โตอลังการมาก โบสถ์นอทเทอร์ดัมเป็นโบสถ์ที่สร้างแบบกอทิกของฝรั่งเศสศิลปะและกระจกสีที่ประดับด้านในตกแต่งได้สวยมาก
เดินออกจากโบสถ์แล้วก็ข้ามสะพานมาเห็นมีท่าเรืออยู่ก็เลยเดินลงด้านล่างเพื่อดูเวลานั่งเรือแต่ก็ต้องอีกซักพัก ไม่อยากเสียเวลาเดินเที่ยวต่อเลยละกัน
เดินข้ามสะพานมาอีกด้านของโบสถ์มุมนี้เคยเห็นในละครเรื่องแก้วตาพี่นะ ตอนนั้นยังไม่มีกุญแจห้อยเลยซักอันเดียว
ไปกันต่อคราวนี้จิ้มแผนที่ไปที่พิพิธภัณฑ์ปิกัสโซระหว่างทางก็ไม่ได้แวะที่ไหนค่อยๆ เก็บบรรยากาศระหว่างทางไป
ที่ปารีสมีพิพิธภัณฑ์ค่อนข้างเยอะเลยนะเลือกไปเฉพาะที่เคยได้ยินชื่อละกัน ระหว่างทางเดินก็จะมีร้านขายของแบรนด์เนมไปตลอดทางไม่ได้ออกแนวแหล่งช้อปปิ้งคึกคักหรูหราแต่ออกแนวเก่าๆ โบราณๆ คลาสสิคหน่อยมีร้าน Uniqlo, H&M และอีกหลายร้านตั้งอยู่ในตึกแบบนี้
มาถึงแล้วพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในซอยนิดนึง เดินตามป้ายมาตลอดทางแต่พอใกล้จะถึงกลับไม่มีป้ายซะงั้น พอไปถึงก็ต้องรอคิวเข้าไปอีกแล้วแดดแรงแต่โชคดีที่อากาศเย็นทำให้ยังเพลินได้อยู่
พอซื้อตั๋วแล้วก็เข้าไปด้านในแบ่งเป็นหลายโซนหลายชั้น เป็นการเรียงลำดับตามวิวัฒนาการของศิลปินถ้าใครชื่นชอบศิลปะก็แนะนำให้มาชม แต่ถ้าใครไม่ค่อยอินกับศิลปะก็ปล่อยผ่านเลยดีกว่า
ออกจากปิกัสโซก็เริ่มล้าแล้วไม่ได้มีที่ไหนจะไปเป็นพิเศษ ก็เลยเดินไปตามทางที่จะกลับโรงแรมเจออะไรตรงไหนสวยก็ค่อยแวะตรงนั้น
เดินมาถึงตรงนี้ ออแตลเดอวีล (Hôtel de Ville) เป็นศาลาว่าการของปารีส ด้านหน้าจะมีคนมาโชว์อะไรต่างๆ เยอะแยะเหมือนโชว์เปิดหมวก และใกล้กันยังมีห้างและแหล่งช้อปปิ้งยาวทั้งถนนเลย
เดินผ่านออกมาเดินริมแม่น้ำแซนไปเรื่อยๆ ก็ไปจะเอ๋กับพิพิธภัณฑ์ลูฟทว์อีกซักรอบรอบบ่ายกลับมาคนก็ยังไม่ได้น้อยลงไปเลย ก็เลยเดินผ่านไปยัง Tuileries Garden ถ้ามองเป็นเส้นตรงก็จะมองเห็นประตูชัยฝรั่งเศสอยู่ไกลๆ
แล้วเราก็มุ่งตรงไปยังถนนช็องเซลีเซ (Champs-Élysées) ถนนที่มีร้านขายของแบรนด์เนมตลอดเส้นทางคนมาช้อปปิ้งกันเยอะมากเรียกได้ว่าแทบจะเดินชนกันเลย พวกร้านกระเป๋าก็ต้องมีการต่อคิวเพื่อเข้าไปในร้านเจ้าหน้าที่จะได้ดูแลกันทั่วถึง ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นเอเชีย
ตามซอกซอยของถนนช็องเซลีเซ (Champs-Élysées) จะมีรถสปอร์ตไว้ให้เรานั่งโก้ๆ ด้วยนะ 20 นาที 90 ยูโร
เดินมาจนสุดถนนก็มาถึงประตูชัยแล้ว (Arc de triomphe de l’Étoile) ตรงนี้มีรถสามล้อจอดเรียงเต็มไปหมด แต่เราจะเห็นรถแบบนี้ทั่วเมืองเลยนะไว้คอยบริการนั่งท่องเที่ยวส่วนราคาก็ดูที่รถได้เลย
ใกล้จะเย็นแล้วก็เดินทางกลับโรงแรม ที่ปารีสถึงบ้านเมืองจะสวยงามแต่ที่ต้องระวังระหว่างเดิินเลยก็คือขี้นกเยอะมากดีไม่ดีอาจจะมาลงกลางหัวได้ ตอนเดินก็ต้องคอยหลบที่พื้นด้วยนะว่าจะเหยียบรึเปล่า
เดินมาจนเริ่มล้าแล้วมองเห็นหอไอเฟลไกลๆ นั่นแสดงว่าโรงแรมเราอยู่ตรงนั้น นี่คือข้อดีของการพักใกล้หอไอเฟลเพราะนอกจากจะได้วิวแล้วไปไหนไม่หลงแน่นอนมองหาไอเฟลเข้าไว้
หลังจากหมดแรงจากการเดินเที่ยวปารีสแล้วถึงเวลาอาหารเย็นวันนี้ไม่ได้ทานข้าวที่โรงแรม เดินผ่านหอไอเฟลมาซัก 2 ล็อกได้เป็นร้านอาหารที่เน้นไปทางเป็ดเป็นหลักมีให้เลือกหลายเมนูที่สั่งมาเป็ดอบราดซอสส้ม, เป็ดทอด, และขาดไม่ได้คือสลัดรสชาติดีทีเดียว มันฝรั่งที่ให้มานี่เป็นลูกๆ เลยเรียกได้ว่าให้แบบไม่เสียดายกินมันฝรั่งหมดอิ่มไม่ต้องกินอะไรต่อยังได้เลย ปิดท้ายด้วยของหวานที่ขึ้นชื่อของที่นั่นเรียกว่าอะไรก็จำไม่ได้แต่อร่อยไม่เลี่ยน
ปารีสแอบเหมือนกรุงเทพฯ เหมือนกันนะตรงที่รถเยอะมากแต่บางทีก็รถติดวุ่นวายเลย แล้วก็ไม่รู้เป็นไรเค้าก็ชอบบีบแตรกันจัง บางทีนอกจากตกใจเสียงแตรแล้วก็จะตกใจเสียงสตาร์ทรถด้วยนะ เพราะที่นี่ถ้ารถหยุดติดไฟแดงหรือรถติดเครื่องมันก็จะดับพอรถจะวิ่งก็มันก็จะสตาร์ทอีกพอมารวมกันเยอะๆ แล้วมันก็มีเสียงที่ดัง
ปารีสเป็นสิ่งที่น่าประทับใจอยู่มาก แต่เรื่องที่ต้องระวังก็มีไม่น้อย ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องของมิจฉาชีพเลยนะ ไปไหนมาไหนก็เก็บของมีค่าไว้ให้ดีส่วนมากจะเป็นคนต่างถิ่นสังเกตุจากรูปร่างหน้าตาเอาจะแตกต่างไม่เหมือนคนท้องถิ่นเท่าไหร่ ช่วงที่ไปเจอทหารถือปืนกันเยอะมากในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ต่างๆ ถนนเวลาเดินก็ระหว่างขี้นกให้ดี