อีกหนึ่ง Landmark ของญี่ปุ่นก็คงหนีไม่พ้นเกียวโต (Kyoto) เกียวโตเคยเป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่น และยังเป็นศูนย์กลางของเกาะฮอนชู เกียวโตเป็นเมืองค่อนข้างมีเสน่ห์ เพราะยังคงรักษาความเก่าแก่ไว้อยู่มาก มีหลายที่ที่เราอยากจะไปกันแต่เวลาแค่วันเดียวอาจจะได้ไม่ครบตามที่ต้องการ ไปลุ้นข้างหน้าเอาแล้วกันว่าจะได้ทันที่ไหนบ้าง
วันนี้ตื่นเช้ารีบไปเที่ยวเกียวโต เพราะเราจะได้มีเวลาเก็บที่เที่ยวให้ได้มากที่สุด แปดโมงเช้ารีบลงมากินอาหารเช้าซึ่งก็ไม่ได้น่ากินเท่าไหร่ เป็นข้าวปั้นจืดๆ แนวญี่ปุ่น เรียกว่าอาหารค่อนข้างดั้งเดิมไม่เหมือนกับที่เราคุ้นชินแน่นอน กินๆ ไปจะได้ไม่หิว เพราะเราต้องเดินทางไกลกัน
การเดินทางวันนี้รวมๆ แล้วชั่วโมงกว่าๆ ออกจากโรงแรมเลี้ยวขวาไปขึ้นรถที่สถานี Tanimachiyonchome นั่งรถไป 3 สถานี และเปลี่ยนสายรถไฟที่สถานี Higashi-Umeda เราเสียเวลาที่สถานีนี้นานหน่อย เพราะสถานีกว้างมากแล้วยังมีห้างด้วย ห้าง Umeda หรูหราไฮโซมากก็เลยขอเดินนิดนึง เสร็จแล้วก็เดินไปขึ้นรถไฟที่สถานี Osaka ยาวไปถึวเกียวโตกันเลย
สถานีรถไฟเกียวโตใหญ่โตโอ่อ่า ไม่เหมือนเมืองเก่าเลยซักนิด พอมาถึงสถานีรถไฟก็ขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นไปชั้นบนเพื่อซื้อตั๋วรถบัสสำหรับทัวร์เกียวโต เป็น One day pass สามารถนั่งรถบัสได้ตลอดทั้งวันในเกียวโต
บัตรรถบัส One day pass ราคา 500 เยน ได้มาแล้วตอนขึ้นรถบัสก็เสียบแล้วมันจะปั้มวันที่ พอตอนลงก็แค่โชว์ให้คนขับดู ไม่ต้องเสียบเข้าไปเพราะจะไม่ได้บัตรคืน พอขึ้นคันต่อไปก็โชว์บัตรที่มีรอยปั๊มให้คนขับดูเท่านั้นเอง
ที่ญี่ปุ่นสิ่งหนึ่งที่เห็นคือเค้าค่อนข้างให้ความสำคัญกับคนพิการพอสมควรนะ อย่างเรื่องรถบัสคนพิการที่นั่งวิลแชร์ก็สามารถขึ้นได้ ถ้าคนขับรถเห็นว่าคนพิการขึ้นก็จะจอดรถเทียบแล้วรถก็จะเอียงลงต่ำมาทางผู้โดยสาร คนขับก็จะวิ่งลงมาจากรถเพื่อเลื่อนกระดานออกมา และเข็นรถผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ไปล็อกรถเข็นไว้กับที่ล็อก
เราได้แผนที่มาแล้วสถานที่ส่วนมากจะเป็นวงกลมของเส้นทางรถบัส สถานีแรกเราเลยเลือกที่จะไปวัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji Temple) หรือที่คนไทยรู้จักคือวัดทองหรือวัดอิกคิวซัง ขึ้นรถบัสสาย 101
พอถึงป้ายรถบัสเราก็ลงแล้วเกิดหิวขึ้นมาแล้ววนหาร้านข้าวก็เหมือนจะมีแต่ร้านกาแฟ แต่ตอนลงรถบัสเห็นแว็บๆ ว่ามีร้านข้าวอยู่เลยพากันเดินกลับมา เป็นร้านของคุณตา คุณยายที่ดูแลร้านกันอยู่ 2 คน คุณยายทำอาหารคุณตาก็คอยบริการน้ำ จัดเตรียมของต่างๆ
ตกแต่งร้านน่ารักมากของเด่นจะเป็นพวกเบสบอลซะส่วนมาก มีรูปการ์ตูนของคุณตาคุณยายนี้ด้วย
ระหว่างรออาหารคุณตาเอาส้มมาแจกคนละลูกหวานได้ใจ
มาแล้วอาหารง่ายๆ ของเรา ข้าวผัดสุดเบสิค พร้อมกับน้ำซุปร้อน 1 ถ้วย เมนูมีไม่มากจะได้ไม่เสียเวลาเลือกเยอะ
ข้าวแกงกระหรี่
เมื่ออิ่มแล้วก็เดินไปวัดกันเลย จากป้ายรถบัสเดินตรงมานิดหน่อยเลี้ยวขวาแล้วเดินเข้าไปประมาณ 400-500 เมตร ก็ถึงหน้าวัดละ ทางเข้าวัดก็เจอต้นใหญ่ๆ เขียวๆ ตลอดทาง
ประตูทางเข้าภายในวัดเราต้องไปซื้อบัตรผ่านประตูซะก่อนอยู่ด้านซ้ายมือค่าเข้าชมคนละ 400 เยน
แต่เดิมแล้ววัดคินคะคุจิไม่ได้เป็นวัดอย่างที่เข้าใจ ที่นี่เคยเป็นบ้านพักตากอากาศแล้วต่อมาก็มีที่พำนักของโชกุน หลังจากโชกุนเสียชีวิตลงจึงกลายเป็นวัดจนถึงปัจจุบัน ในปี 1950 ระหว่างสงครามโอนิน ได้ถูกเผาโดยพระฝึกหัดและได้ถูกบูรณะขึ้นเรื่อยมาจนแล้วเสร็จในปี 2003
จ่ายตังค์เรียบร้อยก็จะได้สองสิ่งนี้มา
เดินเข้ามานิดเดียวก็เจอพระเอกของที่นี่แล้ว ระหว่างทางเข้ามาเจ้าหน้าดูเยอะไปหน่อย ต้องคอยบอกให้เราเดินไปทางไหนแบบต้องเป็นระเบียบเรียบร้อย
ที่พำนักของโชกุนโยชิมิซึ หลายคนคงคุ้นชื่อวัดคินคะคุจิจากการ์ตูนอิกคิวซัง ตัวการ์ตูนในอิคิวซังล้วนเป็นตัวละครที่แต่งขึ้น แต่ท่านโชกุนมีตัวตนจริงๆ
ที่คนไทยเรียกกันว่าวัดทองก็เพราะตัวอาคารที่เป็นสีทองเกือบทั้งหลังตั้งอยู่กลางสระน้ำหลังนี้นี่เอง ทำให้เรียกติดปากกันมาว่าวัดทอง
เดินไปรอบๆ วัดเป็นวงกลมก็จะเห็นอาคารและการจัดสวนแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ตรงนี้เป็นเรือนชงน้ำชารึเปล่าไม่แน่ใจ
บริเวณศาลเจ้าที่ให้คนมาจุดธูปขอพร จะมีป้ายขอพรอิกคิวซังขายให้เราเขียนพรที่อยากได้ลงในแผ่นป้ายแล้วก็ไปแขวนไว้ แล้วก็ไปสั่นกระดิงหน้าศาลเจ้าเพื่อความเป็นศิริมงคล
มาถึงทางออกแล้ว ได้ข้อมูลมาว่าต้องลองไอศกรีมที่นี่พลาดไม่ได้ ก็เลยจัดซะหน่อยราคาค่อนข้างแรงได้ขนมมาไม้นึง เย็นชื่นใจโต้ลมหนาวไปเลย
ออกจากวัดทองแล้ว สถานีต่อไปก็ไปต่อที่วัดน้ำใสหรือวัดคิโยมิซึ ( Kiyomizu Temple ) น่าจะเป็นวัดสุดท้ายแล้วล่ะเพราะตอนนี้ก็บ่ายแก่แล้ว เดินออกมาจากวัดแล้วมารอรถบัสที่ป้ายเดิมที่เราลงรถมา ขึ้นรถไปประมาณ 15 นาทีก็ถึงแล้ว แต่มีช่วงนึงที่เราต้องเปลี่ยนสายรถบัสกันด้วย ขึ้นสาย 204 แล้วไปเปลี่ยนขึ้น 206 ที่ Kitoaji Bus Terminal ลงรถแล้วมุดลงใต้ดินไปขึ้นรถอีกฝั่ง
ดูจากแผ่นพับที่ให้มาว่าเราต้องลงที่ป้ายไหนก็ลองอ่านที่ตัวอักษรวิ่งเอาว่าถึงสถานีรึยัง แต่ถ้าถึงแล้วก็จะมีคนลงพร้อมกันเรามากหน่อย เพราะรถบัสที่ขึ้นส่วนมากจะมีแต่นักท่องเที่ยวซึ่งรถก็แน่นทุกคัน
ทางขึ้นไปวัดน้ำใสไกลมาก แถมเดินขึ้นเขาด้วยต้องใช้เวลาพอสมควร ถ้ามาช้าอาจจะขึ้นไม่ทันเวลาที่วัดปิด แต่ก็ดีหน่อยที่ระหว่างทางมีอะไรให้ดูตลอดทางทั้งร้านขายของที่ระลึก ของฝาก อาหาร
เฮ้อขึ้นมาถึงซะทีเมื่อยมาก
หันกลับดูด้านหลังนี่คือความไกลและความสูงที่เดินขึ้นมา คนเป็นแสน
เกียวโตทาวเวอร์อยู่ปู้นนน ตรงที่เราขึ้นรถบัสที่แรก
ข้างบนนี้วิวดีและอากาศดีมากๆ ที่เมื่อยๆ เมื่อกี้โอเคหายละยอม
เดินขึ้นบันไดมาแล้วก็ไปซื้อบัตรเข้าวไปด้านในคนละ 300 เยน
ภายในวัดค่อนข้างกว้างขวางเราคงเดินกันไม่ทั้งหมดเก็บเอาแค่ไฮไลท์แล้วกัน
ด้านล่างก็คือตรงน้ำพุเป็นที่มาของวัดน้ำใส จะเห็นคนมาต่อคิวดื่มน้ำเพื่อความเป็นสิริมงคล ในระดับสายตาที่เห็นคนยืนตรงนู้น จะเป็นที่ที่เค้าถ่ายรูปย้อนกลับมา
ออกจากอาคารไม้มาเลี้ยวซ้ายจะมีทางขึ้นไปศาลเจ้าเพื่อขอพร
ที่เขียนขอพรมีภาษาอังกฤษแนะนำอยู่ด้วย เสร็จแล้วก็เอาไปผูกไว้กับเชือกที่อยู่ใกล้ๆ กัน
เสร็จแล้วก็เดินลงมา เดินไปตามทางที่คนเค้าเดินไป
นี่ไงมุมมหาชน ตามที่เค้าโปรโมทหรือตามรีวิวต่างๆ ก็เป็นที่ตรงนี้แหละ
เสียดายที่เป็นช่วงฤดูหนาวอยู่ใบไม้ยังไม่ผลิเลย ดูแห้งแล้งไปหน่อย ถ้ามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยมาก
มองจากตรงนี้สวยมาก เห็นเมืองเกียวโตทั้งเมืองเลย เกียวโตทาวเวอร์อยู่ตรงนู้นนนน
เรายืนอยู่ตรงมุมที่จัดไว้ให้ถ่ายรูป ตรงด้านขวาของอาคารคือตรงทางขึ้นศาลเจ้าที่เราขึ้นไปตะกี้
ถ่ายรูปกันจนพอใจแล้วเราก็เดินตามทางเพื่อลงมาด้านล่าง ต่อคิวเพื่อดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์แถวยาวเชียวแหละ คนไทยซะครึ่งนึง ฮ่าๆ ข้างหน้าเราน่าจะเป็นคณะของข้าราชการที่ได้มาดูงานที่นี่
เดินจนรอบแล้วพระอาทิตย์จะตกดินแล้ว คนก็ยังไม่น้อยลงเลย เราต้องการมื้อเย็นแล้วล่ะ
ขากลับของเรา ดูสิว่าเราเดินขึ้นมาสูงและไกลแค่ไหน
ลงมาถึงถนนใหญ่ ข้ามถนนขึ้นรถบัสไปไม่กี่ป้ายเราก็ลงเดินไปถนนสายหลักหามื้อเย็นทานกัน
แล้วก็มาถึงถนนที่มีคนแต่งชุดยูกาตะเดินไปมาและหิวมากแล้ว ร้านแรกเลยแล้วกัน เป็นร้านสุกี้ชาบู ตอนเข้าไปยังมีกันอยู่ไม่กี่โต๊ะ
เช็ตชาบู
และเซ็ตสุกี้ยากี้ ทั้งสองเซ็ตนี้มาแต่เนื้อไม่มีหมู แล้วก็มีเมนูอื่น เช่นข้าวหน้าต่างๆ
พอออกจากร้านมาคนต่อคิวเต็มเลย แสดงว่าเด็ดจริง
เดินกลับไปขึ้นรถไฟเพื่อกลับโอซาก้า ยิ่งมืดค่ำอากาศยิ่งเย็นลง ณ ตอนนี้ 2 องศา บรึ๋ยยยย
ถึงโอซาก้าแล้วเดินกลับโรงแรม ประมาณ 3 -4 ทุ่ม เงียบมากเลย