เมษาหน้าร้อนเมืองไทยถ้าเดินออกจากอาคารเมื่อไหร่ตัวก็จะละลายไปกับแดดซะเลยทีเดียวเชียว ร้อนนี้เลยหลบร้อนไปเที่ยวเมืองหนาวกันดีกว่า…
เยอรมันเป็นเมืองขึ้นชื่อในเรื่องเบียร์, ไส้กรอกและขาหมู แต่ก็มีหลายอย่างที่เรายังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเยอรมันมีอะไรมากกว่าสิ่งที่บอกมามากมายกว่านั้นซะอีก
การเดินทางไปเยอรมันจำเป็นต้องมีวีซ่าและไม่ให้เป็นการเสียเที่ยวก็ขอวีซ่าแบบเชงเก้นซะเลย เพื่อให้เดินทางให้เข้าประเทศในกลุ่มยูโรได้โดยไม่ต้องกังวล รายละเอียดการขอวีซ่าเชงเก้น
ระยะเวลาในการเดินทางนั้นถ้าเป็นเครื่องบินตรงก็จะใช้เวลาประมาณ 11 – 13 ชั่วโมง มีไม่กี่สายการบินที่บินตรงอย่างเช่น การบินไทย, ลุฟต์ฮันซา (Lufthansa) เป็นต้น แต่ถ้าอยากจะประหยัดตังค์ก็ใช้เวลาต่อเครื่องเอาถ้าหาดีๆ ก็ประหยัดไปมากอยู่
ได้เวลาออกเดินทางแล้ว หากไม่อยากเสียเวลาในการรอเช็คอินให้ทำเว็บเช็คอินให้เรียบร้อยมาจากบ้าน, โหลด Apps หรือมาเช็คกับตู้คีออส (Kiosk) ที่สนามบินก็ได้มีให้เช็คหลายสายการบินเลย แล้วเดินเข้าช่อง Self Check-in เพื่อโหลดกระเป๋าได้เลย ไม่ต้องไปต่อแถวเช็คอินยาวๆ ให้เสียเวลา
เนื่องจากไปตอนกลางวันตลอดเวลาทางการเดินทางก็จะไม่เจอกลางคืนเลย ในช่วงที่ผ่านแถบตะวันออกกลางเปิดหน้าต่างมาก็จะเจอวิวแบบนี้สวยดีเหมือนกันค่ะ
เมื่อมาถึงแล้วตอนที่จะผ่าน ตม. ก็มีความกังวลเหมือนกัน เพราะอ่านรีวิวมาเยอะว่าจะต้องโดนนั่นโดนนี่แล้วอีกอย่างเป็นผู้หญิงที่เดินทางคนเดียวก็อาจจะโดนเพ่งเลงเป็นพิเศษ แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีถูกถามคำถามแค่ 4 – 5 คำถามแค่นั้นก็ผ่านออกมาได้ง่ายดาย หน้าตาเค้าอาจจะไม่ค่อยจะรับแขกกันซักเท่าไหร่ พอรับกระเป๋าก็ไม่โดนตรวจกระเป๋าอย่างที่กังวลตั้งแต่แรกเหมือนกัน ออกจากสนามบินได้ต้องลองของขึ้นชื่อที่นี่กันซะเลยขาหมูเยอรมันและเบียร์ สำหรับขาหมูน้ำซอสรสชาติจะเค็มไปซักหน่อยสำหรับเรา
ช่วงแรกที่ไปถึงพักที่เมือง Bad Dürkheim อยู่ทางใต้ของแฟรงเฟิร์ตประมาณ 100 กิโลเมตร เป็นเมืองที่บรรยากาศดีมากตั้งบนอยู่เนินเขา มีจุดเด่นอยู่ที่ถังไวน์ขนาดใหญ่ตอนนี้ได้กลายเป็นร้านอาหารไปแล้วคือ Durkheimer Fass Herzstuck der Weinstrasse และที่ลานกว้างตรงนี้ก็เป็นสถานที่จัดเทศกาลไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
ห่างกันไม่ไกลก็จะมี Saline (Graduation Tower) ตัวอาคารเป็นไม้แล้วก็มีวัสดุอะไรซักอย่างสีดำแล้วมีน้ำซึมออกมา เมื่อสูดหายใจเข้าไปก็ทำให้สดชื่นดีเหมือนกันแต่ถ้าจะขึ้นไปข้างบนก็ต้องเสียค่าขึ้นไปเหมือนกัน รอบบริเวณก็มีสวนสาธารณะเหมาะสำหรับปิคนิคและพักผ่อนที่สุด
ต่อจากที่นี่ก็ไปปราสาทเก่าแก่ Klosterschänke Limburg ทั่วทั้งเยอรมันไปทางไหนก็จะเจอปราสาทเก่าแก่เต็มไปหมด ที่นี่ใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดคอนเสิร์ตด้วยนะ แล้วก็เป็นร้านอาหารให้บรรยากาศเก่าแก่เลยทีเดียว การเดินทางไปจาก Saline ประมาณ 4 กิโลเมตรได้
ไปต่อที่ปราสาท Hardenburg ปราสาทเก่าแก่และคงจะเป็นป้อมปราการมาก่อนด้วย สร้างปรักหักพังที่เห็นนี้แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตจริงๆ ปราสาท Hardenburg อยู่ห่างจาก Klosterschänke Limburg ประมาณ 4 กิโลเมตร
ทางขึ้นปราสาทเป็นทางเดินขึ้นเขาและถ้าจะเข้าไปชมข้างในต้องเสียค่าเข้าด้วย 3 ยูโร พอเข้าไปก็มีห้องต่างๆ มากมายหลายชั้นเดินเหนื่อยเลยทีเดียว
นี่แค่บางส่วนในเมืองนี้เท่านั้น มีหลายที่ที่ยังไม่รู้จักเลยถ้ามีโอกาสคงได้ไปเยือนที่เมืองนี้อีก