มีแพลนไปทำงานที่ญี่ปุ่น 2 วันแต่ขอเดินทางล่วงหน้าและลาต่อเนื่องไปหลายวัน เดินทางด้วยการบินไทยไฟล์ทดึกเลยประมาณห้าทุ่ม มุ่งหน้าสู่สนามบินฮาเนดะ โตเกียว การเดินทางออกนอกประเทศในช่วงเวลาดึกเป็นอะไรที่วุ่นวายมาก เพราะเราจะเจอจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศจำนวนมหาศาล ที่รอเช็คอินอันนี้แนะนำเลยว่าเช็คอินมาก่อนจะผ่าน Web Check-in หรือจะ Kios ก็ได้แล้วก็ไปโหลดกระเป๋าที่ช่อง Self Check-in ช่องนี้จะไม่มีคนเลยหรือจะน้อยมากเมื่อเทียบกับช่อง Check-in ปกติ หลุดจาก Check-in มาแล้วก็มาต่อที่ตรวจสัมภาระติดตัวก่อนเข้าตม. แนะนำว่าอย่าเข้าช่องกลางเพราะต้องด้วยยืนด้วยท่าที่เค้ากำหนด ทรัพย์สินที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อกระเป๋ากางเกงก็ห้ามมี เข็มขัดก็อย่าพึ่งใส่เอาไปใส่ตอนผ่านแล้วจะดีกว่าไม่ต้องเสียเวลาถอด เข้าช่องริมๆ ที่แค่เดินผ่านก็พอ มาต่อที่ช่องผ่านตม. แยกคนไทยกับต่างชาติแล้วถึงได้รู้ว่าจริงๆ คนไทยไม่น้อยเลยนะที่จะออกนอกประเทศเนี่ย แต่ช่องนี้ก็สะดวกดีที่มีเครื่องอัตโนมัติ พอผ่านเข้ามาได้จะหาอะไรกินก็ต้องแย่งกันหน่อยคนเยอะจะเป็นลม แต่ปกติถ้าขึ้นเครื่องมีอาหารแจกอยู่แล้วรอกินข้างบนดีกว่า
โชคดีที่บริษัทจองที่นั่งไว้ให้แถว A เลยต่อจาก Bussiness Class ที่วางขานี่สบายเลยยืดได้เต็มที่ แต่ที่ติดขัดหน่อยก็ตรงต้องคอยยกจอเข้าออกกับที่วางอาหารเพราะมันอยู่ด้านข้างเบาะ ไม่เหมือนกับแถวอื่นๆ ที่จะอยู่พนักพิงของเบาะหน้า อาหารรอบดึกเป็นแค่แซนวิสทูน่า อาหารเช้าเป็น Omelet อีกอย่างที่เค้าให้เลือกก็จำไม่ได้
แตะเท้าลงสนามบินฮาเนดะแต่เช้าสัมผัสอากาศหนาวเต็มๆ จากร้อนๆ มาเจอหนาวๆ ออกจากสนามบินโดยรถบัส ที่ซื้อตั๋วสำหรับรถบัสก็อยู่ตรงทางออกที่เดินออกมาจากข้างใน ใหญ่มากพอที่มองเห็นได้ทันที มุ่งหน้าโรงแรมที่ทางบริษัทจองให้ที่ Hearton Hotel Higashi-Shinagawa ห่างจากสนามบินไม่ถึง 10 กิโลเมตร
บริเวณ Bus Terminal รอข้างนอกนานไม่ได้เพราะอากาศหนาวซะเหลือเกิน ใกล้ๆ ถึงเวลาค่อนเดินออกมา
ถึงโรงแรม 8 โมงกว่าก็ทำการจัดแจงฝากกระเป๋าซะก่อนเพราะยังไม่ถึงเวลาเช็คอินเลย แว็บไปล้างหน้าตาซะหน่อย แผนสำหรับพวกเราชาวนี้ก็คือการไปเที่ยว Disney Sea แต่ก่อนจะถึงเวลาเข้าเราก็ต้องเติมพลังสำหรับเช้านี้ซะก่อน แค่เดินข้ามถนนจากโรงแรมก็เป็นห้างอิออน ฟูดคอร์ดช่วยเราได้โชคดีที่ห้างเปิดแล้ว
นอกจากมีแมคโดนัลแล้วก็มีอูด้งนี่แหละที่พอจะสั่งกินเองได้ไปชี้ๆ เอาหน้าร้าน
เติมพลังเรียบร้อยพร้อมจะย้อนวัยกันแล้ว เดินทางโดยรถไฟจากสถานี Shinagawa Seaside สถานีก็ตรงข้ามโรงแรมเอง ไปเปลี่ยนรถไฟที่สถานี Shin-Kiba ถึงสถานี Maihama สุดท้ายแล้วก็ไปต่อรถไฟเพื่อเข้า Disney Sea
มาถึงสถานี Maihama ต่อไปเราก็ต่อรถไฟสาย Disney Resort เพื่อเข้าไปข้างในกัน มองเห็นรีสอร์ทไกลๆ หลังคาสีน้ำเงิน
รถไฟสีขาวเหลืองด้านบนก็เป็นขบวนที่จะพาเราเข้าไปด้านใน
มาแล้ว รถไฟฟ้าที่จะพาเราเข้าไป Disney Sea รถไฟน่ารักหวานแหววสไตล์ Disney รถไฟจะวนไปทาง Disney Land ถึงจะมาจอดที่ Disney Sea รวมค่ารถไฟขาไป 750 เยน
ภายในรถไฟที่นั่งหรูหราสบายเหมือนห้องรับแขก หน้าต่างและราวจับก็เป็นรูปมิกกี้เม้า
ด้านนอกรถไฟกำลังผ่าน Disney Resort
มาถึงแล้ว มองจากด้านบนสถานีข้างล่างสวยงามอยากเข้าไปข้างในแล้ว
ได้ตั๋วแล้วพร้อมกับ Guide Map พร้อมแล้วลุยยยยยย
เห็นคนอื่นเค้าใส่หมวกตุ๊กตาดิสนีย์เพื่อนเราก็อยากได้บ้างจะได้กลมกลืนกับคนอื่น ว่าแล้วก็แว้บเข้า Disney Shop ก่อนเลย Shop อยู่ทั้งสองฝั่งของทางเข้าเลย หมวกน่ารักๆ ใบนี้น่าจะราวๆ 700 กว่าบาท
อากาศหนาวๆ ฟ้าครึ้มๆ เพิ่มความหนาวไปอีกแต่ก็ดีอย่างวันนี้เราคงเดินไม่เหนื่อยกันเท่าไหร่ Theme ของที่นี่จะเน้นของเก่าๆ ดูโบราณๆ แล้วก็เป็นการจำลองมาจากหนังหลายเรื่อง มาเริ่มที่โซนแรก Mediteranean Harbour
Mount Prometheus
Transit Steamer Line
เดินมานิดหน่อยมีสวนดอกไม้สวยงาม
นี่ไงมาญี่ปุ่นถ้าไม่เจอซากุระเสียดายแย่แต่ตอนนี้ไม่ได้ยังไม่ใช่ช่วงที่ซากุระบาน ถือว่าโชคดีที่ได้เจอถึงจะมีแค่ต้นเดียวก็เถอะยังไงก็ต้นตำหรับนะ
Storm Rider
โซน Mysterious Land
โซน Mermaid Lagoon
โซน Arabian Coast
โซน Lost River Delta เป็น Theme จากหนัง Indianajones มีเครื่องเล่น Raging Spirit น่าเล่นมาก
บริเวณท่าเรือของโซนนี้
นักท่องเที่ยวต่อคิวเล่นเครื่องเล่นเห็นแล้วจะเป็นลม คนเยอะเกิ๊น
Tower of Terror เป็นเครื่องเล่นที่หวาดเสียวจริงๆ จุ๊หมาน้อยขึ้นดอย พานั่งขึ้นไปสวยๆ ถึงด้านบนเปิดประตูให้ชมวิวหน่อยสิว่าอยู่สูงแค่ไหนแล้วปล่อยตกลงมาเลยโหดร้ายจริงๆ
เหล่าบรรดาตัวการ์ตูนกำลังออกมาพบปะแฟนๆ ให้ถ่ายรูป (ไม่ฟรีนะจ๊ะ)
เดินกันมาทั้งวันแล้วขาเริ่มจะล้าและเท้าก็เจ็บมากขอกลับไปตั้งตัวก่อน ขากลับก็เหมือนเดิมค่าโดยสาร 750 เยน ฝากกระเป๋าที่โรงแรมไว้ทั้งวันกลับไปเชคอินก่อนที่จะค่ำมืด
ถึงห้องไม่ทันได้ถ่ายรูปก็วุ่นวายกับการเก็บของห้องก็เลยมีสภาพอย่างที่เห็น ได้ห้องแบบเตียงคู่ เป็นห้องแบบไม่สูบบุหรี่ห้องไม่ได้เล็กมาถือว่าพอดีสำหรับสองคนวางกระเป๋าแล้วยังเดินได้สบายยๆ เป็นห้องริมสุดก็เลยจะเห็นวิวสองฝั่ง
คืนแรกที่นอนมัวแต่ตื่นเต้นกับวิวด้านนอกก็เลยเปิดม่านเอาไว้ถ่ายรูป แล้วอีกอย่างเป็นม่านทึบก็กลัวว่าจะไม่มีแสงเข้ามาในตอนเช้าแล้วจะไม่ตื่น เพราะรุ่งขึ้นต้องเข้าออฟฟิศตื่นไม่ทันนี่คอขาดเลย มีชุดนอนให้คนละชุด ไดร์เป่าผม มินิบาร์ และ wifi ฟรี
ห้องน้ำถือว่ากว้างมิดชิดดี มีของใช้ในห้องน้ำครบ
เก็บของเรียบร้อยถึงเวลาเติมพลังรอบค่ำ นั่งรถไฟไปสถานีเดียว ไปสถานี Oimachi ร้านอะไรก็ไม่รู้ คนพื้นที่พามา หิวๆ นะเต็มโต๊ะเลย ร้านขึ้นไปชั้น 3 บนตึกมีอยู่หลายร้านเหมือนกันบรรยากาศจะมืดๆ ทึมๆ หน่อย เวลาสั่งอาหารก็จิ้ม Tablet ได้เลยตามสะดวก
ขาดไม่ได้เลยแซลม่อน
ปลาหมึกวาซาบิ อร่อยนะเข้ากันดี
ทูน่าสับ ไข่ปลาแซลม่อนและไข่หอยเม่น
เครื่องพีชโซดาและเลมอนโซดาอร่อยเลย
หนังปลา อันนี้ฟันต้องแข็งแรงนิดนึงมันแข็งไปหน่อย
ระหว่างทางกลับผ่านห้าง LABI ตั้งใหญ่โตอยู่ริมถนนเลยแวะเข้าไปดูซะหน่อย ส่วนมากขายของเครื่องใช้ไฟฟ้าอุปกรณ์ IT เห็นราคาแล้วอยากจะสอยมาหลายอย่างมาก ถูกมากจริงๆ แถมมีส่วนลดสำหรับบัตรเครดิตอีกด้วย เดินขึ้นไปถึงชั้นบนมีตุ๊กตุ่นตุ๊กตา เกมส์เพียบเหมือนกันได้แต่สำรวจราคาไปก่อน ยังไม่รีบซื้ออยู่อีกหลายวัน
กลับมาถึงห้องก็ชื่นชมกับบรรยากาศด้านนอกประมาณ 4 ทุ่มก็เงียบเหงาแล้วรถก็ไม่ค่อยจะมี
ทีนี้พอไม่ปิดม่านคืนนั้นทั้งคืนก็ตัวแข็งกันเลยทีเดียวหนาวมากกกกกกกกก ฮีทเตอร์ยังช่วยเราไม่ได้แถมยังนอนติดหน้าต่างอีกด้วย วันต่อมาก็เลยค้นพบกันว่าถ้าเราปิดม่านมันจะช่วยเก็บความอุ่นไว้ได้ น่าจะวัสดุที่เก็บความร้อนเหมือนจะทำมาจากกระดาษนะ จบไปหนึ่งวันอันแสนเมื่อยล้า