ออกจากปราสาทนอยฯ ประมาณบ่ายกว่าๆ รีบตรงไป Zugspitze กลัวจะไม่ทันเวลาขึ้น เลือกไปถนน Tirol มุ่งไปทางออสเตรียเพราะใกล้กว่า ประมาณ 46 กิโลเมตร พอเริ่มจะเข้าไปออสเตรียก็เห็นลำธารหรือแม่น้ำก็ไม่แน่ใจเพราะมันกว้างมากแต่ก็ตื้นมากเหมือนกันชื่อ Lech เขียวสวยเชียวแหละอยากจะลงไปเล่นจริงๆ แวะลงถ่ายรูปเล็กน้อย
ป้ายบอกทางอีก 700 เมตรจะเข้าออสเตรียแล้ว
ข้ามฝั่งมาออสเตรียแล้วมีป้ายบอกทางไปเมืองอินส์บรุค (Innbruck) เมืองโรแมนติคที่นักท่องเที่ยวต่างก็ปักหมุดกัน แต่ว่าเราไม่ได้ไปหรอก ฮ่าๆ
ขับรถเข้ามาในออสเตรียแล้ววิวสองข้างทางเป็นภูเขาที่มีหิมะเต็มไปหมดเลย เห็นภูเขาสูงใหญ่อยู่ไกลๆ ข้างหน้าเป็นทุ่งหญ้าและมีหมู่บ้านคนอยู่หน้าภูเขา มันคือวิวในฝันชัดๆ สวยมากเลยล่ะ
นั่งรถมาเรื่อยๆ มองด้านบนเห็นอะไรพาดผ่านถนนอยู่ไกลๆ พอเข้าไปใกล้ๆ อ๋อมันเป็นสะพานไม้นี่เองสูงและยาวมากคนที่เดินด้านบนเค้าจะรู้สึกหวาดเสียวกันบ้างรึเปล่านะ แลดูเป็นสะพานแขวนที่ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่เวลาเดิินคงจะแกว่งไปแกว่งมา
มาถึงแล้วทางขึ้น Zugspitze Tiroler Zugspitzbahn เป็นการขึ้นแบบกระเช้า อยู่ที่เมือง Ehrwald ในออสเตรีย ก่อนขึ้นก็ไปซื้อตั๋วกันก่อน Round Trip Ticket อยู่ที่ € 43.50 ต่อคน
ได้ตั๋วมาแล้วขึ้นไปกันเลยระยะทางค่อนข้างไกล เพราะมันสูงมากกกกกกเป็นจุดที่สูงที่สุดในเยอรมันเลยล่ะ
ระหว่างขึ้นก็เพลินๆ ไปกับวิวสวยๆ ไปตลอดทางไม่มีเบื่อแน่นอนกระเช้าก็ใหญ่มากนะ ไม่น่ากลัวหรือรู้สึกหวาดเสียวเท่าไหร่
ในอาคารตรงนั้นเป็นร้านอาหาร
มาถึงแล้วยอดเขา Zugspitze สูงมากๆ จากจุดนี้มองเห็นยอดเขาเป็นร้อยๆ ของเทือกเขาแอลป์จนสุดลูกลูกตาเลยล่ะ Zugspitze ถือว่าเป็นจุดที่สูงที่สุดในเยอรมัน มีความสูงถึง 2,962 เมตร หรือ 2.9 กิโลเมตร สูงมากจริงๆ บางคนก็ขึ้นมาเล่นสกีก็จะหอบเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับไปเล่นสกีมาด้วย บางคนก็ขึ้นมาชมวิว ทานอาหาร แต่ถ้าขึ้นมาแล้วไม่ได้ลงไปเล่นสกีแต่ก็อยากจะสัมผัสหิมะล่ะก็ไม่ต้องห่วงมีหิมะกองมหึมาตรงจุดชมวิวให้ปีนขึ้นไปเล่นไปถ่ายรูปได้สบาย
ทางที่เราขึ้นมา มาจากฝั่งออสเตรีย
มีลานสกีตรงด้านล่าง ถ้ามองดีๆ ก็จะไลน์ของกระเช้าที่ขึ้นมาเล่นสกีด้วย แต่แสงของหิมะมันขาวจ้าไปหน่อยมองไม่ค่อยเห็น
ฝั่งนี้มองเห็นทะเลสาบ Eibsee ฝั่งนี้ก็มีทางขึ้นมาที่ยอดเขาด้วยรถรางด้วยนะอยู่ในฝั่งเยอรมัน ถ้าดูเรื่องแอบรักออนไลน์จะเห็นตอนที่นางเอกนั่งรถรางขึ้นมาบนเขา
มามองฝั่งนี้เห็นวิวเทือกเขาแอลป์ค่อนข้างชัด เทือกเขามีเป็นร้อยเป็นพันยาวไปถึงฝรั่งเศส สวิสฯ อิตาลีเลยทีเดียว ถ้าเราไปส่องกล้องตัวนี้เราก็จะรู้ว่ายอดเขาที่เราเห็นมันชื่อว่าอะไรบ้าง สูงเท่าไหร่ ตั้งอยู่ตรงไหน กล้องนี่หมุนได้รอบทิศเหมาะกับคนที่ตัวสูงซัก 160 ขึ้นไปเตี้ยกว่านี้ก็มองไม่เห็นละ
ยอดสุด สุดยอดของ Zugspitze อยู่ตรงนั้นไง สร้างแลนด์มาร์ก
ไม่รู้ว่านกอะไรแต่บินสูงมากเลยนะ บินวนสวนกันสวนกันมา
ลานเล่นสกีขนบนภูเขา
พักกินของว่างเบียร์ไม่มีแอลกอฮอล์แสนอร่อย นั่งจิบเบียร์ท่ามกลางวิวเทือกเขาแอลป์ แหม่บรรยากาศดีจริงๆ ด้านนอกเย็นมากจนน้ำแข็งเกาะ ด้านนอกก็มีที่นั่งอาบแดดได้บรรยากาศแต่ก็ระวังนกมันจะบินมาโฉบ ด้านในของอาคารก็จะมีส่วนที่เป็นบาร์ตกแต่งไฮโซเครื่องดื่มกับอาหารก็จะคนละเรื่องกับที่เรานั่งอยู่
จุดชมวิวที่เราอยู่สามารถเดินชมวิวได้ 180 องศาเลย
ถึงเวลาลงแล้วรอบนี้ก็จะมีคนลงกับเราเยอะหน่อยเพราะเป็นรอบสุดท้ายแล้ว 4 โมงเย็น
เย็นแล้วไปหาที่พักกันต่อขับรถตามทางมาเรื่อยๆ วิวด้านข้างเป็นเทือกเขาแอลป์แล้วก็มีลำธารที่เป็นน้ำแข็งละลายน้ำใสมากๆ แล้วก็มีรางรถไฟที่ขึ้นไปบน Zugspitze ด้วย แล้วก็มาจบที่ โรงแรม 4 ดาว Eibsee hotel เอ๊ะชื่อเหมือนทะเลสาบ Eibsee ที่เรามองเห็นจากด้านบนเลย ใช่ไม่ผิดหรอกด้านข้างนี่ก็ทะเลสาบ Eibsee นั่นแหละ
ขึ้นมาห้องพักเปิดห้องมาปุ๊บถอดเสื้อคลุมและผ้าพันคอออกเพราะเปิดฮีทเตอร์ไว้ก็ค่อนข้างอุ่น มองผ่านไปถึงระเบียงก็รีบพุ่งไประเบียงก่อนเลย เปิดประตูปุ๊บกะไปชมวิวเต็มที่ปรากฏว่า “เฮ้ยหนาว” เย็นเจี๊ยบจับใจเลยล่ะถอยกลับเข้าห้องแทบไม่ทัน ตั้งหลักก่อนใส่เสื้อคลุมแล้วค่อยออกไปใหม่
ตั้งหลักได้ออกไปดูวิวข้างนอก โอ๊ยนี่มันสวรรค์รึเปล่าสวยแท้ด้านซ้ายก็เทือกเขาแอลป์ ด้านหน้าก็ทะเลสาบด้านขวาก็เป็นป่าเขา มองไปด้านบนเป็น Zugspitze ที่เขาพึ่งขึ้นไปเมื่อตอนบ่าย ด้านหน้าโรงแรมรู้สึกจะเป็นทางขึ้นที่เป็นรถรางนะ วิวมันสวยมากจนไม่อยากจะเข้าห้องไปเลยแต่ทนหนาวไม่ไหวมือแข็งเลยทีเดียว
ห้องพักถือว่ากว้างเลยนะอุปกรณ์รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ค่อนข้างพร้อมตั้งแต่ระเบียงก็มีเก้าอี้สำหรับนั่งชมวิว ค่อนข้างสะอาด ในห้องก็มีส่วนนั่งเล่นอ่านหนังสือ มีโต๊ะทำงาน มินิบาร์พร้อม wifi สามารถขอได้ที่ Reception 1 รหัสต่อ 1 เครื่อง มีถุงใส่อุปกรณ์สำหรับไปว่ายน้ำหรือซาวน่าที่ด้านล่าง ในถุงก็จะมีรองเท้า Slipper เสื้อคลุม
ในห้องน้ำเป็นแบบอ่างอาบน้ำขนาดห้องน้ำกำลังพอดี ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป อุปกรณ์ในห้องน้ำมีครบหมดไดร์เป่าผม ปลั๊กไฟก็มี
ได้อุปกรณ์ครบละก็ลงมาพักผ่อนด้านล่าง ด้านผ่าน Reception ลงไปด้านล่าง เปิดประตูเข้าไปก็จะส่วนที่บริการน้ำ น้ำร้อน น้ำอุ่น น้ำผลไม้ ชา กาแฟก็มี แล้วส่วนของผ้าคลุม ผ้าขนหนูเล็กใหญ่ก็เลือกเอา เดินตรงมาจะเป็นส่วนของซาวน่าก่อนมีอยู่หลายห้องเลือกเข้าได้เลย
พอซาวน่าเสร็จก็เดินมาอีกห้องมีส่วนของฟิตเนสแต่เราไม่ได้เข้าไป เดินทางมาทางสระว่ายน้ำลงไปเล่นน้ำซะหน่อย สระน้ำไม่ได้ใหญ่มากเป็นแบบคลอรีน ห้องนี้วิวดีเหมือนกันมองเห็นของนอกชัดเจน
ก็เลยเดินสำรวจเห็นทางลงไปทะเลสาบก็เลยเปิดประตูออกไปสำรวจซะเลยว่าลงจากทางนี้มั๊ย เห็นทางลงแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยลงมาใหม่ ตอนนี้ก็ทุ่มกว่าแล้วมีนัดทานข้าวตอนสองทุ่มรีบไปดีกว่า
บรรยากาศตอนพระอาทิตย์กำลังตกดินสองทุ่มละ
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วก็ทานในโรงแรมเหมือนเดิมเพื่อความสะดวก ที่นี่เค้าจัดอาหารเป็นเซ็ทประจำวันตามรายการที่วางอยู่บนโต๊ะเลย ดูจากคู่ช้อนส้อมแล้วอาหารค่อนข้างจะหลากหลายแนว
ตอนแรกก็กังวลว่าเยอะขนาดนี้จะกินหมดมั๊ยเนี่ย แต่ก๋็โล่งไปที่มาอย่างละเล็กน้อย เมนูหลักทุกวันของเราก็คือสลัดง่ายที่สุดละกินหมดด้วย
- Salads with different dressings
- Roasted Black Tiger prawn with potato straw and mango-chili dip
- Beef consomme with herb pancake strips
- Plaice fillet with dill cucumbers and tomato rice
- Pork fillet in Lardo coat on wild herbs suace with cualiflower cream and potatoes tossed in butter
รีบตื่นแต่เช้าตรู่อยากจะมีเวลาเดินเที่ยวรอบๆ บ้าง เพราะเมื่อวานมาถึงก็เก็บของไปว่ายน้ำอยู่แต่ข้างใน เช้านี้จะได้เดินให้ทั่วเลย
ออกมาสำรวจรอบๆ โรงแรม ถ่ายรูปได้แสงคนละฝั่งกับเมื่อวาน เดินลงไปดูที่ทะเลสาบน้ำใสมากๆ ตรงที่ตื้นหน่อยก็เห็นพื้นเลย ก็ถ้าน้ำมันไม่เย็นมากอยากจะถอดรองเท้าแล้วเอาเท้าแช่เลยจริงๆ
เป็นโรงแรมที่บรรยากาศและวิวดีมากถึงเวลาเช็คเอ้าแล้วก็ยังไม่อยากไปเลย “อยู่ต่อเลยได้ไหม อย่าพึ่งปล่อยให้ตัวฉันไป”
ออกมาจากโรงแรมแวะเข้าเมือง Garmisch เพื่อซื้อของใช้ส่วนตัว แต่หามินิมาร์ทไม่เจอเลย เมืองเค้าเล็กๆ น่ารักรูปแบบบ้านเหมือนที่ชนบทบ้านเราเลย