ทะเลสาบ Konigssee อยู่ในเทือกเขาแอลป์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้รัฐบาวาเรียติดกับชายแดนออสเตรีย เป็นทะเลสาบที่มีความลึกมีความใสและสะอาดที่สุดในเยอรมัน เพราะเหตุนี้เองจึงอนุญาตให้มีเฉพาะเรือพายหรือไฟฟ้าเท่านั้นที่จะแล่นในทะเลสาบได้ ด้วยความสวยงามนี้ได้ถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย ความยาวของทะเลสาบนี้ยาวถึง 7.7 กิโลเมตรช่วงกว้างที่สุดของทะเลสาบคือ 1.7 กิโลเมตรและความลึกสูงสุด 190 เมตรเลยทีเดียว
มาถึงทะเลสาบ 9 โมงนิดๆ กำลังดีคนไม่เยอะ ก็รีบไปซื้อตั๋วลงเรือสำหรับไปกลับอยู่ที่คนละ € 13.90 ระหว่างที่รอลงเรือก็ดื่มด่ำกับความงามข้างหน้าไปพลางๆ น้ำใส๊ ใส เหมือนกระจก มองเห็นพื้นเลย โรงเก็บเรือก็สวยคือมองตรงไหนก็สวยไปหมด
เรือมาเทียบท่าแล้วเข้าไปสำรวจที่นั่งในเรือก่อน ที่นั่งกว้างมากพอที่จะจุคนได้จำนวนมาก ด้านข้างก็เป็นกระจกเลื่อนเปิดปิดได้ไว้กันฝนกันหนาว แต่พอจะถ่ายรูปก็ขอเปิดแป็บนึง
มีน้ำตกไหลลงมาจากภูเขาด้วย
มาถึงหุบเขาตรงนี้เจ้าหน้าที่มาเป่าแตรโชว์เพราะจะได้ยินเสียงสะท้อนกลับมาค่อยข้างชัดเจน ถ้าเราตะโกนออกไปก็จะได้ยินเสียงตอบกลับมาเหมือนมีคนคุยกะเราด้วย
นู้นไงมองเห็นไกลๆ โบสถ์หัวหอมสีแดง (Bartholomew)
มาเทียบท่าแล้ว St. Bartholomä วิวสวยมาก น้ำก็ใสมากๆ
ลงจากเรือมาแล้วผู้นำทริปของเราก็บอกว่าต้องไปขึ้นเขาตรงนู้นซะก่อนไม่งั้นจะไม่ให้กินข้าวเที่ยง (จริงดิ) รออะไรล่ะเดินสิคะ
เดินไปเรื่อยๆ ก็เจอแม่เป็ดฟักไข่อยู่ ทุกมุมคือสวยมากเดินๆไปต่อเรื่อยเดินเข้าป่าเลยทีนี้
พอออกจากป่าก็มาเจอโรงเรืออยู่โรงนึง ตรงข้างฝามีลายมือเต็มไปหมดไม่ใช่แค่บ้านแล้วล่ะที่มีแบบนี้ ไม่รู้ใครมาสลักชื่อไว้บ้างเต็มไปหมด
มาถึงตรงนี้โหยดูตรงนู้นดิ สวยมากเหมือนเป็นไข่แดง ถูกโอบล้อมภูเขามีแสงแดดส่องลงมาตรงกลาง ช่วงที่เดินไปก็มีป้ายบอกทางว่าไปร้านอาหารที่ 1 กี่กิโลเมตรใช้เวลาเท่าไหร่ ร้านที่ 2 กี่กิโลเมตรใช้เวลาเท่าไหร่ แล้วก็ได้แต่มองตามป้ายไปแล้วก็คิดในใจว่ามีร้านในป่าและบนเขาด้วยเหรอไม่เห็นจะมีคนเลย แต่ลืมไปว่าเรามาเที่ยวเรือเช้าสุดจะเจอใครได้ไง
เริ่มขึ้นเขามาแล้วใบไม้ร่วงเต็มพื้น ลื่นสิคะต้องเดินระวังหน่อยกลัวตกเขาเหมือนกันเพราะไม่มีราวให้จับเดินไปแบบโล้นๆ แบบนี้แหละ
ขึ้นมาซักพักเจอน้ำตก น้ำไหลแรงมาก หยุดพักถ่ายรูปให้หายหอบซะก่อน รูปที่ถ่ายออกมานี่จมูกบานทุกรูปเลยหายใจไม่ทันหอบ แฮ่กๆๆ
เดินขึ้นมาอีกชั้นเหนือน้ำตกเมื่อกี้ดูเป็นสายเล็กๆ เอง แต่ตกไปแรงมาก
เดินหอบแฮ่กๆ มาอีกซักพักผู้นำทางของเรารีบชี้ให้มาดูตรงนู้นเร็ว ต้องรีบลากขาขึ้นไปแต่พอเห็นเท่านั้นแหละหายเหนื่อยเลยมันสวยมาก จินตนาการไปว่าตรงนั้นเป็นสวรรค์บนดินมีภูเขาโอบล้อมแสงแดดส่องลงมา มีทุ่งหญ้ากว้างๆ บ้านเล็กๆ กลางทุ่ง โหยเหมือนในหนังเลย จริงๆ แล้วมีจุดชมวิวที่สามารถขึ้นกระเช้าไปบนเขาได้นะ แต่จะไปอีกฝั่งหนึ่งไม่ต้องลงเรือมา ด้านบนมีร้านอาหารที่มีวิวเทือกเขาแอลป์อันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาเลยล่ะและมองเห็นทะเลสาบทั้งหมดเลย แต่ว่าเสียดายที่ไม่ได้ขึ้นไป
ถ้ามองไปด้านหน้าจริงๆ แล้วตรงนั้นมีทะเลสาบอีกทะเลสาบหนึ่งซ่อนอยู่ด้วยนะคือ Obersee Lake จากตรงนี้มองเห็นไกลลิบๆ มืดๆ หน่อยเพราะเงาของภูเขาบังแสงแดดเอาไว้ ที่รู้ว่าใช่เพราะเห็นเงาของต้นไม้สะท้อนลงมาที่น้ำ นู้นเขียวๆ หลังสุดแล้วเลื่อนเข้ามาอีกนิดนึงตรงนั้นแหละทะเลสาบ
โอเคชมวิวจนพอใจแล้ว ผู้นำของเราก็บอกว่าเค้าจะเดินไปเขาอีกลูกต่อพวกเธอจะไปด้วยมั๊ยหรือว่าจะเดินกลับทางเดิม อ้าว! หลอกดาวมาปีนเขาเหรอเนี่ย แต่เจอวิวสวยแบบนี้ให้อภัย ฮ่าๆ แล้วเราก็เดินไปกันคนละทาง
เดินลงมาเดินเล่นตรงริมทะเลสาบบ้าง น้ำใสและนิ่งมากจนอยากจะลงไปเล่นน้ำได้แต่เอามือไปแตะๆ พอให้รู้ว่ามาถึงแล้ว นั่งเล่นแป็บนึงก็เจอเป็ดผัวเมียคู่หนึ่งมาทักทาย ชอบรับแขกกันมากที่ไหนมีคนแล้วบินเข้าไปหาเลยไม่มีกลัว
หันไปมองด้านบนหาจุดที่เราขึ้นไปเมื่อกี้ แต่มองไม่ออกว่าตรงไหนเป็นตรงไหน ตอนที่เดินลงก็มีคนเริ่มเดินขึ้นไปเหมือนกับเราตอนเรามายังไม่ค่อยมีคน
กลับมาถึงบริเวณท่าเรือและโบสถ์ก็เดินสำรวจรอบๆ ว่ามีอะไรน่าสนใจรึเปล่า
เข้ามาชมในโบสถ์ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เล็กๆ ตามขนาดที่เห็นด้านนอกเลยใช้เวลาอยู่ในนั้นไม่นาน
ออกมาจากโบสถ์เที่ยงแล้วเริ่มหิว ข้างๆ กันเป็นร้านอาหาร Fischerei St.Bartholoma ที่ขายแต่ปลารมควัน ซึ่งก็ทำให้เห็นกันตรงนั้นเลยปลารมควันห้อยเต็มไปหมด
มาแล้วปลาเทราท์รมควันสดมีทั้งเนื้อขาวและเนื้อส้ม ตอนแรกก็คิดว่ากินคนละครึ่งกับเพื่อนแล้วกันเดี๋ยวกินไม่หมด แต่เลือกไม่ได้จัดมาทั้งสองอย่างเลย อร่อยพอๆ กันแต่เราว่าเนื้อส้มน่าจะอร่อยกว่า อารมณ์เดียวกะปลาแซลม่อน
อิ่มแล้วมานั่งรอผู้นำที่ท่าเรือ บ่ายๆ รอเรือมากลับต้องกลับแล้วชอบมากอยากอยู่ต่ออยากจะสำรวจให้ทั่วไปเลย ฮ่าๆ ถามว่าสังขารอำนวยมั๊ย ตอบเลยว่าไม่หวายยยยยย…
ระหว่างเรือถอยหลังก็ได้หันมามองอีกฝั่งจ๊ะเอ๋กลับกวางเต็มไปหมด ตั้งแต่มาถึงยังไม่ได้สนใจมองมาทางนี้เลย น่าจะเป็นกวางเลี้ยงเพราะเห็นคอกของมันด้วย
บ๊าย บาย โบสถ์หอมแดงไปก่อนนะ
กลับมาถึงท่าเรือแล้วลมดีเชียวน้ำไหลเป็นคลื่นเลย
เดินดูของสวยๆ งามๆ หินนำโชคบ้านเรานั่นเอง มีทุกอย่างให้เลือกตั้งแต่ยังเป็นก้อนจนทำมาเป็นแบบสวยงามแล้ว
ไปกันต่อที่ไม่ไกลจากตรงนี้นั่นก็คือขึ้นไปขับรถชมวิวแบบพาโนรามา Roßfeld-Panoramastraße เป็นการขับรถชมวิวแบบวงกลมระหว่างทางไปนี่ก็ผ่านบ้านเก่าของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ด้วยนะ แต่บ้านเค้าถูกรื้อทำเป็นอย่างอื่นไปแล้ว
ก่อนขึ้นไปก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมซะก่อน รถ+ผู้ใหญ่ 3 คน อยู่ที่ € 9
เริ่มไต่ตีนเขาขึ้นไปเรื่อยๆ หิมะก็เริ่มละลายบ้างแล้วเพราะมันกำลังจะเข้าหน้าร้อน ทางคดเคี้ยวหลายโค้งแต่ก็ไม่ได้น่ากลัวเพราะวิวมันดึงดูด
มาจอดรถที่จุดชมวิวจุดแรกแล้วก็รีบลงไปถ่ายรูปซะหน่อย
มีโค้งเห็นสะพานตรงนั้นสวยดีฝั่งทางขวาจะเป็นฝั่งประเทศออสเตรีย
วิวฝั่งทางนี้เป็นออสเตรียทั้งหมดเลยถูกโอบล้อมด้วยแอลป์
วนมาฝั่งนี้จะเป็นเยอรมัน ตรงนี้น่าจะเป็นลานสกีเห็นมีกระเช้า
ลงมาแล้วไปหาที่นอนสำหรับคืนนี้กันต่อ จุดหมายปลายต่อจะไปที่ทะเลสาบคีมซี (Chiemsee) ห่างจาก Berchtesgaden ราวๆ 60 กว่ากิโลเมตร
และได้ที่พักที่ Prien am Chiemsee: Garden Hotel Reinhart สภาพโรงแรมก็สไตล์บาวาเรียดูเก่าไปหน่อยแต่ก็สะอาดดี พวงกุญแจห้องใหญ่มากและหนักมากแท่งเหล็กแท่งหนึ่งเลยล่ะ และลิฟท์ก็ค่อยข้างเล็ก
ห้องพักก็โอเคนะไม่เล็กมากสำหรับคนเดียว มีโต๊ะนั่งดูทีวีนั่งทำงาน ที่วางกระเป๋าห้อยเสื้อหยิบง่ายดี
ในห้องน้ำก็มีทุกอย่างครบเหมือนเช่นโรงแรมที่ผ่านๆ มา
ออกมาเจอะที่ระเบียงไม่กล้าเปิดประตูออกไปเลยยุงตัวใหญ่มาก เท่าแมลงวันเลยนะแล้วอยู่กันเป็นฝูง ตรงสนามหญ้าด้านล่างยังต้องมีตาข่ายมากันยุงเลย น่ากลัวจริงๆ ด้านล่างมีสระว่ายน้ำแบบน้ำเกลือค่อนข้างใหญ่กว่าทุกที่ที่ผ่านมา แต่ส่วนของสปาไม่มีอะไรน่าสนใจต้องรอให้เจ้าหน้าที่มาช่วยจัดการอุปกรณ์ให้เลยปล่อยผ่านไปดีกว่า
มื้อเย็นขับออกมาจากตัวเมืองไปกินร้านอาหารไทย ที่มีคนไทยมาเปิดอยู่เจ้าของร้านเป็นใต้อาหารก็เลยออกมารสจัด และเป็นอาหารใต้บ้านเราซะเยอะ ร้านอยู่ติดกับรางรถไฟเลยนะแบบติดจริงๆอ่ะ รถไฟผ่านนี่สบตากับคนข้างในรถไฟได้เลย คนเยอะฝรั่งชอบกินอาหารไทย