ย่านฮิตของที่ญี่ปุ่นที่ใครมาถึงโตเกียวต้องห้ามพลาดเด็ดขาดนั่นก็คือมาเดินช้อปปิ้งที่ชิบูย่า การมาญี่ปุ่นครั้งนี้ได้มาเดินชิบูย่า 2 รอบ รอบแรกบริษัทพามาดูงานมาดูการให้บริการของร้านค้าที่มีต่อลูกค้า ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของญี่ปุ่นที่มีควานเด่นในเรื่องของการให้บริการ เพราะคนญี่ปุ่นเป็นคนที่มีความคิดที่สร้างสรรค์ หลายอย่างต้องมีกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ เสมอและเรื่องความอ่อนน้อมและความสุภาพ ทำให้หลายคนรู้สึกประทับใจรวมถึงเราด้วย
นั่งรถไฟจากสถานี Shinagawa-Seaside เปลี่ยนขบวนที่สถานี Ebisu ไปยังสถานี Shibuya
วันนี้อากาศไม่ค่อยเป็นใจฝนตกทั้งวันเลย อากาศก็หนาวซะเหลือเกิน 8 องศาน่าจะได้ มาถึง 6 โมงเย็นเริ่มค่ำแล้ว แล้วก็เป็นเวลาเลิกงานด้วยเหมือนกันคนเพียบ คนเยอะแบบนี้เราก็จะเห็นเวลาเค้าขึ้นลงบันไดเลื่อนกัน สำหรับคนโตเกียวแล้วจะยืนชิดซ้ายกันจะไม่ยืนเกะกะขวางทาง
ได้ Voucher ของห้าง Tokyu มา 1,000 Yen เพื่อไปซื้อของและศึกษาการให้บริการของพนักงานขาย เดินวนไปมาหลายรอบว่าจะซื้ออะไรดีถึงจะพอดีกับเงินที่ได้มาสุดท้ายแล้วก็มาจบที่สตอเบอรี่ 980 Yen ลูกใหญ่โตน่าหม่ำมาก แคชเชียร์จะถามว่าจะใส่ถุงมั๊ย ถ้าใส่คิดตังค์เพิ่มนะ 1 Yen
แวะเติมพลังที่ Rakuten Cafe เป็น Cafe ที่เหมือน True Coffee บ้านเรา มีอาหาร เครื่องดื่มแล้วยังมีบริการอื่นๆ ในเครือ Rakuten ด้วย ค่ำแล้วเริ่มหิวสั่งมองบัง ชีสเค้ก และมะม่วงปั่น กินแทนข้าวเย็นวันนี้ไปเลย
หมดทริปศึกษาดูงานสำหรับวันนี้แล้ว ได้อะไรบ้างในวันนี้ ได้เงิน ฮ่าๆ ไม่ใช่… ปกติแล้วที่ญี่ปุ่นหรือประเทศอื่นๆ เวลาซื้อของเค้าก็ไม่ใส่ถุงพลาสติกให้เราจะใส่เป็นถุงกระดาษหรือไม่ใส่เลย ถ้าจะใส่ต้องเสียตังค์เพิ่มเราก็ต้องเตรียมไปเอง เพื่อการประหยัดทรัพยากร สำหรับวันฝนตกแบบนี้ถ้าซื้อของแล้วใส่ถุงกระดาษร้านค้าก็จะมีการห่อพลาสติกใสที่ถุงกระดาษให้ด้วยกันเปียก
การทอนเงินสำหรับที่นี่แล้วเราถือว่าเป็นเอกลักษณ์เลยนะ มีวิธีการนับเงินทอนให้เราเห็นทุกบาททุกสตางค์มีวิธีจับธนบัตรที่เป็นแบบเฉพาะของเค้า
รถแท็กซี่ที่นี่ไม่ต้องเปิดประตูเอง จะเปิดประตูอัตโนมัติถ้าใครไปนั่งแล้วเอะเปิดยังไงก็เปิดไม่ออก ใจเย็นๆ เดี๋ยวเค้าเปิดให้เอง มีอีกหลายอย่างที่เราค่อยๆ เจอ ส่วนมากจะเป็นความเต็มใจให้บริการ หน้าตายิ้มแย้มพร้อมรับแขกตลอดเวลา รวมๆ แล้วถือว่าน่าประทับใจ
มาเก็บตกรอบ 2 ฟ้าใสปิ๊งวันนี้ ขอเก็บภาพรูปปั้นฮาชิโกะสัญลักษณ์ของที่นี่กันซะหน่อย ฮาชิโกะเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ ฮาชิรอคอยการกลับมาของเจ้านายที่สถานีรถไฟถึง 9 ปี โดยที่มันไม่รู้เลยว่าเจ้านายได้เสียชีวิตไปแล้ว และฮาชิก็ได้เสียชีวิตที่ชิบูย่า จึงได้มีการสร้างอนุสาวรีย์ฮาชิโกะตรงที่ฮาชินั่งรอเจ้านายทุกวันเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความซื่อสัตย์จงรักภักดีที่ลานตรงนี้
และที่ตรงฮาชิโกะสแควร์แห่งนี้ถือเป็นทางข้ามที่มีผู้คนพลุกพล่านมากที่สุดในโลก ถือเป็นแยกที่วุ่นวาย คับคั่ง แต่ก็เป็นระเบียบนะ
ที่ชิบูย่านี้มีร้านค้านาๆ ชนิดแทบจะบอกได้ว่ามีเกือบทุกอย่าง สินค้าแฟชั่นแบรนด์เนม เครื่องใช้ไฟฟ้า กล้องถ่ายรูป เกมส์ แกดเจตต่างๆ แถมถูกกว่าบ้านเรามากอยู่ มีร้านรองเท้ากีฬา ร้าน ABC Mart ที่ราคาน่าคบหามาก โดยเฉพาะรองเท้า Onisuka ที่คนไทยชอบมาก จนคนญี่ปุ่นเองก็แปลกใจ เพราะไม่ได้รับความนิยมที่นั่นมีแต่คนไทยมาซื้อ และอีกร้านที่สาวไทยชอบเข้ามากคือร้านขายยาที่มีพวกเครื่องสำอางต่างๆ ร้านนี้ก็มีเยอะเต็มไปหมด แต่ราคาไม่เท่ากันนะต้องลองเปรียบราคาก่อน
ช้อปจนกระเป๋าฉีกแล้วถึงเวลาต้องเติมพลังแล้ว ในขณะที่เราช้อปปิ้งก็ต้องให้บางคนไปจองคิวเพื่อกินชูชิร้านนี้ ทำไมถึงเรียกว่าซูชิกระดึ๊บ ก็เพราะว่าคิวยาวมากต่อคิวกันเป็นชั่วโมง
ร้านซูชิมิโดรินี้อยู่ชั้น 4 บนตึก Shibuya Mark City ไปถึงแล้วก็กดบัตรคิวแล้วก็นั่งรอหลับไปเลย
หิวหน้ามืดแล้วรอนานกันเหลือเกินอะไรผ่านสายพานมาก็คว้าไว้ก่อน แล้วก็มีที่สั่งเพิ่มเติมง่ายๆ เลยจิ้มไปที่จอได้เลย ชาเขียวก็ชงเองมีร้อนอยู่ข้างโต๊ะ
หน้าตาแปลกๆ มันคือซุปล็อบสเตอร์
อันนี้ท่อน้ำเชื้อปลาคอดอร่อยนะไม่คาวต้องลอง
แคนตาลูปหวานๆ มาตามสายพาน
หอยเชลตัวโตๆ
จานนี้ของโปรดเลยไข่หอยเม่น
จริงๆ ก็อิ่มแล้วนะ เพราะหิวมากกระหน่ำสั่งและหยิบไปเยอะมาก ตอนที่หิวมากที่สั่งไปก็ไม่มาซักที แล้วก็สั่งซ้ำเลยจ๊ะ พอมันอิ่มก็ภาวนาว่าที่สั่งไปขอให้ไปไม่ถึง ไอ้รถด่วนเนี่ยก่อนมันจะมาถึงมันก็ส่งเสียเตือนมาก่อนทีนี้ก็หลอนไปเลยสิจะมาลงโต๊ะเรารึเปล่า ถ้าไฟขึ้นโต๊ะเราล่ะงานเข้าโหสั่งไปเยอะเลยอ่ะ แต่มาถึงแล้วก็กินให้หมดแล้วกัน กินเหนื่อยจริงๆ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าที่ไปยังมาไม่ถึงอย่าสั่งซ้ำ อยากจะหลับตรงนี้เลยเดินไม่ไหวแล้ว อาหารอร่อยคำโตสมกับที่รอคิวนาน
นั่งย่อยจนไปต่อได้แล้วก็ถึงเวลากลับกันซะที พอจะไปเดินขึ้นรถไฟก็จะผ่านตรงนี้ มุมนี้ดีมองเห็นฮาชิโกะสแควร์พอดีเลย มาดูช่วงชุลมุนดีกว่า
บ๊าย บายแล้วชิบูย่า คิดถึงที่นอนที่สุดหนังท้องตึงหนังตาเริ่มหย่อน